สำหรับผู้ที่เสียงห้าว หรือการพูดโดยใช้เสียงต่ำ หรือเสียงอัดออกที่โพรงจมูก โดยเฉพาะผู้ชาย ถ้าออกเสียงที่อัดลมออกมาทางจมูก ตามสัญชาติญาณคือการออกเสียงที่จะทำให้สูง และเล็กลง ส่วนบางรายที่ออกเสียงผิดเสียงที่ได้มานั้นจะได้เป็นเสียง นาสิก (Nasal) แทน
Falsetto คือการขับร้องที่สูงกว่าเสียงธรรมดา 1 ช่วงเสียง 1 octave คือเสียงเหนือธรรมชาตื คือเสียงที่ต้องฝึกถึงจะออกเสียงได้อย่างธรรมชาติ โดยธรรมชาติแล้วเด็กผู้ชาย XY มีพรสวรรค์ในการรออกเสียง 2 เสียง อยู่แล้ว สังเกตุได้จากช่วงที่จะเปลี่ยนเป็นวัยรุ่น เสียงเราจะแตกพร่า นั่นแหละคือการเปลี่ยนแปลงเสียง ซึ่งโดยส่วนใหญ่เลือกเสียงที่ลงช่วงต่ำมากกว่าที่จะรักษาเสียงช่วงสูงไว้ แต่หากฝึกหลังเสียงที่แตกหนุ่มแล้ว ก็อาจกลับไปร้อง หรือพูดเสียงที่เคยพูด - เสียงเด็กได้เหมือนกัน
จากการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ชายทุกคนที่เสียงเปลี่ยน เนื่องจากมีคอหอยที่เจริญเติบโตขึ้นมาด้วยส่วนหนึ่ง ทำให้กายภาพของกล่องเสียงมีทิศทางที่เปลี่ยนไป และการออกเสียงในจุดตำแหน่งเหนือกว่าคอหอย แทนที่จะใช้การออกเสียงต่ำกว่าคอหอย ไปถึงช่วงอก
การฝึกการออกเสียงให้ใส เล็ก เหมือนผู้หญิงมีหลายเทคนิคมาก แต่ที่จะแนะนำในวันนี้มี 2 เทคนิคโดยพื้นฐานอันได้แก่ เทคนิคการร้องแบบ Falsetto และ Head Voice - แบบคร่าวๆ เพราะบางคนก็ถือว่าอันเดียวกัน แต่ดิฉันว่าแตกต่างกัน ส่วนจะทำได้ไหมขอบอกได้คำเดียวว่าต้องฝึกอย่างเดียวคะ
ทั้งนี้และทั้งนั้น การร้องและการพูดใช้เทคนิคการหลบเสียงไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ผู้เขียนคิดว่าการหลบในการพูดเกิดจากการยกระดับโน้ตของการพูดให้สูงขึ้น ส่วนการร้องคือการยกเสียงให้สูงขึ้นและค่อยๆ ลดระดับเสียงให้ลงต่ำลง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรได้รับการฝึกที่เปียโน หรือคีย์บอร์ดสักตัว เพื่อความเป็นเอกภาพของระดับเสียง และมาตราฐานของการออกเสียงที่ถูกต้อง
เทคนิคการฝึก และการค้นหาระดับในการออกเสียง
สำหรับใครที่ทำไม่ได้ ก็ลองทำเสียงมิกกี้เมาส์ หรือเสียงกระรอกน้อยก่อนที่จะโยนเสียงนั้นลงสูงระดับที่ต่ำลง ต่ำลง เล็กๆ น้อย เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของเส้นเสียง * จากวีดีโอ เธอผู้นี้พูดในเสียงที่สูงเหนือคอหอย แต่ก็ยังใช้เสียงช่วงต่ำของเสียงเดิมอยู่เพื่อความเป็นธรรมชาติ สรุปคือเธอออกเสียง Head Voice คือเสียงพูดปรกติที่สูงขึ้นเหนือตำแหน่งคอหอยนั่นเอง
ส่วนเทคนิคการร้องเพลงนั้น ใช้เสียงหลบเต็มๆ คือเสียงที่ต้องเน้นความไพเราะ ความพิถีพิถัน แต่หากใช้ Falsetto ในการพูด จะเหนื่อยมาก ยกตัวอย่างเสียง Falsetto เช่นเสียงนักประชาสัมพันธ์หวานๆ เสียงดัดจริต หรือดีเจ เสียงหวานๆ แต่ถ้าผู้ชายพูดเสียง Falsetto ต้องเกิดการปลิ้นของเสียงแน่นอน เช่นไม่สามารถพูดคำว่า "น้ำพริกกะปิ" เพราะสำเนียงการออกเสียงจะไม่มีพลัง พูดง่ายๆคือ ด่าใครไม่ได้นั่นเอง
เทคนิคการฝึกให้เสียงเป็นธรรมชาติ
ฉะนั้นดิฉันขอเน้นนะคะ ว่าเสียงที่ไต่ระดับขึ้นสูงจากการพัฒนาจากเสียงพูด Head Voice นั้นดีที่สุด ธรรมชาติที่สุด มากกว่าการดัดเสียงให้ออกมาคิคุอาโนเนะ แน่นอน เพราะเสียงเหล่านั้นอย่างไรก็เป็นเสียงปลอม อย่างไรก็ดีใครที่ฝึกไม่ได้ก็ลองจินตนาการยกเสียงตัวเองไปแปะที่หน้าผาก สังเกตุว่าคอหอยจะยกสูงขึ้นตาม นั่นแหละ ใช่เลย เพราะเราต้องใช่เสียงที่ก้องระหว่างเพดานอ่อน ไปถึงโพรงจมูกกว่า
เสียงหลบ เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อมัดหนึ่งของกล่องเสียงชื่อ Cricothyroid กล้ามเนื้อมัดนี้จะดึงกล่องเสียงไปทางด้านหน้าและต่ำลง ทำให้เส้นเสียงบางลงและยาวขึ้น จะได้เสียงแหลม เล็กการฝึกเสียงหลบที่ไม่ถูกต้อง เช่น ตะเบ็งเสียง กระแอม บ่อยๆ จะทำให้เส้นเสียงยืดตัวและเส้นเสียงเกิดการปิดไม่สนิท จะมีอาการเสียงแหบ..ไม่ใสเมื่อทำเสียงหลบ และเสียงที่ได้ค่อนข้างเบาเพราะเส้นเสียงปิดไม่สนิท (ลมที่ปะทะกับเส้นเสียงรั่วออกได้)
ร่างกายของเราจะมีการปรับตัวได้เอง เพื่อชดเชยจากการเพี้ยนไปของเสียงโดยโพรงลำคอจะปรับตัวเองเพื่อชดเชยกับResonanceที่เพี้ยนไปเพดานอ่อนกับลิ้นไก่ที่ทำหน้าที่ในการปรับตัวเองเพื่อแบ่งลมระหว่างปากกับจมูก โดยแบ่งลมให้ขึ้นจมูกมากขึ้น เป็นผลให้มีเสียงดังมากขึ้น (อ้างอิงจาก thaicrossdresser.com) ฉะนั้นการออกเสียงประเภทนี้จึงต้องใช้พลังในการกักเสียง กักลมที่หลอดลมช่วงบนเหนือคอหอย มากกว่าล่างคอหอย
ยังไงลองฝึกดูก่อนนะคะ อย่ารีบร้อนเพราะทุนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่างไรสุดท้ายผู้เขียนขอย้ำว่า เสียงเดิมมีพลังมากที่สุด อย่าได้เปลี่ยนหรือเลี่ยง ควรที่จะฝึกมากกว่า เอาสิลองฝึกดูเลยนะคะคือการหาคีย์ของเสียง จำไว้อันไหนไม่ถึง ร้องไม่ใคร่ได้ อันนั้นแหละฝึกมากๆ เดี๋ยวเสียงจะสูงและหวานไปเอง โชคดีคะ
พี่ครับ ผมของ คุยกับพี่ทางเฟสหน่อยนะครับ
ตอบลบ