คงไม่มีใครปฏิเสธได้เลยว่า ภาษา คือเส้นเลือดของสังคม ทุกสังคมล้วนได้รับการปลุกเร้าพลังงาน ขับถ่ายเลือดเสียโดยภาษา ภาษามีส่วนพัฒนา และทำลายสังคม ทุกคนล้วนเห็นพ้องความวิเศษของภาษาที่่สามารถถ่ายทอดจริตของคนได้ทุกประการ แม้แต่การจีบปากจีบคอ มองตา ทุกอย่างล้วนเป็นกระบวนทัศน์ผ่านมิติการแสดงอารมณ์ที่สอดประสานกันกับภาษาทั้งสิ้น
ทำไมนักร้องหน้าหล่อ แต่งกายงาม ไม่ร้องเพลงอิสาน หมอลำ ทำไมถึงไปนิยมเพลงเกาหลีที่ฟังไม่เข้าใจ หรือเพราะระบบทุนนิยมสมัยใหม่นี่สามารถจูงใจผู้รับให้คล้อยตามเพลงเพราะๆ โหวตเยอะๆ พวกเขาเป็นพ่อมด หมอผียุคใหม่ที่เปลี่ยนมหาชนในระบบประชาธิปไตยให้เป็นฝูงชน (ฝูงสัตว์ ว.. ค.. ก.. ) ที่ว่านอนสอนง่าย สามารถชักจูงไปทางไหนก็ได้
ทำไงได้เพราะสังคมยังขาดเรื่องการวิพากย์วิจารณ์ (ย้ำไม่ใช่การเม้าธ์มอย) กลไกทางการแก้ไขและรับมือเลยขาดแคลน ส่งผลให้คนฟังสารขาดวิจารณญาณ เพราะคนบ้านเราใครพูดอะไรก็เชื่อ เชื่อโดยคำพูด เพราะฉะนั้นพวกปากเป็นเอก เลขเป็นโท เลยเด่นดังในสังคม ตลอดจนเป็นผู้นำในสังคมได้ อันที่จริงการวิจารณ์ก็เป็นวาทกรรมที่ช่วยปลุกเร้าปัญญา (ถ้าไม่เอาอารมณ์มายุ่ง) แต่ก็เป็นที่ทราบดีว่า สังคมบ้านเราเปิดทางและให้เกียรติการวิจารณ์น้อยมาก --- สภาพที่ ภาษาทำหน้าที่แก้ภาษาให้เกิดประโยชน์ต่อคนหมู่มาก ก็ยังไม่เกิดในบ้านเรา
ภาษา คือ วาทศิลป์ ที่เน้นสร้างในสิ่งดีงาม สุนทรีย์ มองเห็นสัจธรรม ส่งผลให้คนเกิดปัญญา จึงเป็นผลให้เกิดชุดความคิดเรื่องวัฒนธรรมประเพณีดีงาม อันเป็นประเพณีไทย ชนชาติไทย เปิดเป็นรัฐชาติ ในอำนาจชาตินิยมเข้ามาผ่อนปรนอำนาจของภาษาและสื่อทางวัฒนธรรมในสังคม ดังที่พบเห็นได้ทั่วไป
เนื้อเพลงในสังคมไทย เพลงในสังคมไทยพัฒนามาจากเพลงละครร้อง ประยุกต์เข้ากับความเป็นสากลได้อย่างสมบูรณ์ในยุคของพรานบูรพ์ ระดับของเนื้อเพลง โดยเฉพาะระดับของภาษาในเพลงยุคแรกของไทยจึงมีลักษณะเป็น ระดับภาษาที่แฝงความเป็นศักดินาอยู่ เพราะดนตรีมิใช่เล่นบรรเลงให้คนชั้นล่างฟังอย่างเดียว ฉะนั้นระดับของคำ ความสภาพ จึงถูกขยับมาอยู่ในช่องว่างของคำอุปมาอุปไมย แทนที่จะกล่าวมาโดยตรงๆ
นัยยะทางชนชั้นของเนื้อเพลงในยุคแรกนี้นี่เอง ถือเป็นปรากฏการณ์หนึ่งของสังคมที่ช่วยยกระดับดนตรีให้เข้าไปสู่ยุคโรแมนติก กล่าวคือเน้นความดีความงาม ความสละสลวยของภาษา อันมิได้กล่าวถึงวิถีชีวิตคนบ้านนอก แต่เป็นวิถีชีวิตของคนกรุงไฮโซโดยแท้ - (ดูจากละครน้ำเน่าปัจจุบัน อันมีตัวแสดงคนใช้ คุณนาย และมรดกประจำตระกูล ต่างๆ นาๆ)
(ตัวอย่างบทเพลงที่มีเนื้อร้อง ภาษา งดงาม)
เมื่อระดับสังคมขยับเลื่อนลงมาอีกนิด เกิดเป็นยุคลูกทุ่งเบ่งบาน ชุมชน คนรากหญ้าต่างนิยมชมชอบเนื้อเพลงที่ตรงกับชีวิตของตนเองมากกว่าการที่จะมานั่งฟังเพลงที่มีเนื้อร้องดัดจริต ดนตรีถือเป็นเครื่องมือปลอบประโลมสังคมชั้นล่าง ในเวลาเดียวกัน กระบวนท่าวิทยายุทธในการประพันธ์เพลงจากสังคมชั้นสูงดนตรีลูกกรุง หรือเพลงละครร้อง ต่างกระจายส่งสู่ดนตรีลูกทุ่งอย่างรวดเร็ว ดังนั้นชีวิตนักดนตรี นักร้อง นักประพันธ์เพลงลูกทุ่งช่วงนี้จึงมีแต่ความโลดโผนเหมือนผจญภัยในแดนแฟนตาซี
(ตัวอย่างบทเพลงที่มีเนื้อร้อง ภาษา งดงาม)
และแล้วก็มีเพลงวัยรุ่น GMM RS เพลงเหล่านี้เกิดจากการขยับตัวของเพลงแปลงที่นำทำนองมาจากต่างชาติ (ปัจจุบันก็เห็นทำกันอยู่) มีจุดขายที่เทรน ความใหม่ ตลอดจนถึงเนื้อร้องท่อน "โดน" ที่ประสานเข้ากับดนตรี เตะถูกปุ่มใดปุ่มหนึ่งของสมอง ส่งผลให้ผู้ฟังคลั่ง หรือสะเทือนอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง ในที่นี้ถ้าเลือกให้ศิลปินมีหน้าตาดีได้ ก็จะพยายามหาให้ได้ดีที่สุด เนื้อร้องมีความกระชับ ดึงสู่ท่อนขาย หรือท่อนโดยให้มีพลังมากที่สุด มีมิวสิควีดีโอ มีคอนเสิร์ต ศิลปินหล่อ สวย มี แฟนคลับ ฯลฯ
และแล้วการอุปมาอุปไมยก็หล่นหายไปจากสังคมไทย เกิดภาษาเฟ้อ เธอ ฉัน รัก กัน มันทุกเพลง ทำนองดนตรีก็แคบๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบใหม่ๆ ศิลปินหายไปจากวงการเพลง มีแต่พ่อค้า พ่อมด หมอผี สมัยใหม่ คนสมัยนี้เขาขี้เกียจฟังคนอื่นพูด เขาอยากพูดเอง (มีคาราโอเกะ) เนื้อเพลงจึงปรากฏออกมาสั้นๆ วนไปก็วนมาอยู่ในโอ่ง หาสาระสัจธรรมอะไรไม่ได้เลย ไม่มีความละเมียดละไมในการประพันธ์เพลง เอ - หรือชนชั้นสูงในสังคมไม่ฟังกันแล้ว เล่นผลิตเพลงออกมาเพื่อชนชั้นกลาง
ปรากฏการณ์ภาษาเฟ้อ
ในสังคมปัจจุบันกิจกรรมทั้งหลายทั้งปวงถูกกำกับไว้ด้วยเวลา แม้แต่อารมณ์ที่นำมาเป็นฐานของงานศิลปะ ก็เป็นอารมณ์ดิบ ด่วน โดยเฉพาะภาษาที่สื่อผ่านเทคโนโลยี เพราะการสื่อสารก็เป็นภาษาที่สนองโลกทัศน์มนุษย์ปัจจุบันเช่นกัน เมื่อวัฒนธรรมการพบหน้า ดูตาหายไป พลังความคิดแล่นปรึ๊ดสู่ปลายนิ้วถึงเป็นผลให้มนุษย์แสดงวิภาวะของอารมณ์ได้โดยไม่คิด พิจารณา - โดยเฉพาะนักแชท นักคุยโทรศัพท์ กลายเป็นว่าเราคุยกับบุคคลผ่านเทคโนโลยีมากกว่า พูดคุยกับบุคคลที่พบหน้าสบตา - ในยุคนี้ผู้ปกครองจะบ่นเสมอว่า - ลูกคือคนที่เราใกล้ชิดมากที่สุด แต่ไม่รู้จักเขาเลย
วิกฤตทางภาษาและการสื่อสารนี้ยังส่งผ่านออกมายังเพลงสมัยนิยม ที่ไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทหนังหน้าตัวเอง เพราะทุกคนถือว่าโลกตรงนั้นเป็นโลกส่วนตัว ที่อยู่ทับซ้อนในพื้นที่สาธาระ เกิดจริตการโอ้อวด สร้างความเป็นสังคมที่อุดมไปด้วยคติวัถุนิยมตามมาเกลื่อนกลาด ผู้คนจำนวนมากเลิกอ่านหนังสือ เลิกเขียนหนังสือด้วยมือ มีลายมือที่อ่อนแอ และเขียนเพลงได้ระยำตำบอนมากกว่าเดิม
(ดูเอาเอง ทั้งพูด ทั้งร้อง ทั้งเนื้อเพลง ไปในทางเดียวกันหมด)
ท้ายสุดนี้ขอทิ้งท้ายด้วยบทกวีของกวีชาวอังกฤษ ชาร์ลส์ ทอมลินสัน (Charles Tomlinson) วาดภาพให้เราต้องนำไปขบคิด แต่ในขณะเดียวกันก็เปี่ยมด้วยอารณ์ขัน
ขึ้นรถกันหมดแล้ว......
ทุกคนขึ้นรถกันแล้ว และไม่นาน
รถไฟทั้งขบวน ก็เต็มไปด้วยเสียงคนพูดโทรศัพท์ แชทกัน
แล้วก็เรื่องราวส่วนตัวทุกชนิด ก็เบ่งบานไปสู่ความสัมพันธ์ - อินดี้ อินเลิฟ อินเทรน อิน.. ฯลฯ.
พูดกันอย่างไม่ยั้ง คนอกหัก ส่งการบ้านไม่ทัน จีบหญิง จิกกัน ทั้งแรด แพศยา นานา
พื้นที่ทับซ้อนในความสาธารณะนี้ เต็มไปด้วยความเป็นส่วนตัว เม้าธ์มอยยส์
บางครั้งในโรงหนังมันก็แชท ขาวงทางคนอย่างผมที่ต้องการโลกแห่งความจริง
หลีกหนี เพื่อที่จะได้ชมแมกไม้ที่งดงาม ไม่มีมลภาวะทางหู หรือทางตา
มองท้องฟ้าสีคราม สูดอากาศบริสุทธิ์ แต่เอ๊ะ
มีเขาคนหนึ่งกำลังเมาธ์อะไรมากมายลงในโทรศัพท์
ผู้โดยสารคนอื่นสุภาพเกินไปที่จะเข้าไปขัดจังหวะ
แต่ผมเอื้อมมือไปตบไหลเขา ตบซ้ำๆ เพื่อจะตัดความเป็นส่วนตัวที่สร้างผลเสียแก่ส่วนรวมนี้
และก็ไม่ยอมจบเสียด้วย จนผมต้องโน้มตัวไปทางเขา
และสงสัญญาณบางอย่างที่เขามองไม่เห็น
เขาเริ่มเป๋ และรู้สึกตัว รีบฉวยอาวุธที่ยังไม่ได้ถอดออกจากฝัก
ออกไปที่ทางเดินซึ่งเต็มไปด้วยมลภาวะ ผู้โดยสารอื่นนิ่งกันหมด
เพราะรู้สึกเสียดาย แน่ละที่พวกเขาพยายามจะกรองสิ่งที่ไม่สำคัญออกเพื่่อ
จะได้สกัดแก่นเรื่องออกมาด้วยตนเอง ผมนั่นแหละไปขวางทางพวกเขา
ด้วยเความดัดจริตของผมเอง มันสายเกินไปแล้วที่จะกลับมาชื่นชมทัศนียภาพ
ผมเลยงัดเอาหนังสืออกมาเล่มหนึ่ง แต่ก็เสียอารมณ์จนไม่อยากอ่านแล้ว
หลับตาดีกว่า ไม่มีอะไรพิเศษที่จะทำให้ตื่นเต้นในความมืดข้างนอก
ผมเลยหลับผลอยไป เผลอตื่นเมื่อรถเบรค
ผมลุกขึ้นและลงรถไฟพร้อมหนังสือเล่มโปรด
ออกสู่โลกกว้าง ท่ามกลางหมอกบางๆ และฝนปรอยๆ
....................................................................................................................
หรือบางครั้งภาษา เนื้อเพลงดังกล่าวจะทำให้เรารู้ว่า กำลังอยู่ ณ ที่ใด เวลาใด
เกิดหลงทางละคงยุ่งแน่ๆ........................อึฮึฮึ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น