อยู่นี่แล้ว


วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

That's What Friends Are For - นี่แหละ "เพื่อน"




คำว่า "เพื่อน" บางครั้งก็ไม่มีคำไหนมาอธิบายคล้ายคำว่ารัก แต่สำหรับฉันคิดว่าเข้าใจเพื่อนและยอมรับในทุกสถานะ ทุกเรื่อง และพร้อมรับฟัง แบ่งปัน บางครั้งก็รู้สึกสุขใจที่มีเพื่อน ทั้งๆ ที่เราไม่ได้โทรคุยทุกวัน ทานข้าวด้วยกัน เรามีช่องว่่างให้กัน และยังรู้ว่ามีกัน ------ มันไม่มาก ไม่น้อย และไม่เรียกร้องมากเกินไป...... แค่นี้......ก็พอละ  That's What Friends Are For - นี่แหละ "เพื่อน"

 
And I never thought I'd feel this way
And as far as I'm concerned
I'm glad I got the chance to say
That I do believe I love you 

And if I should ever go away
Well, then close your eyes and try to feel
The way we do today
And then if you can remember 

Keep smilin', keep shinin'
Knowin' you can always count on me, for sure
That's what friends are for
For good times and bad times
I'll be on your side forever more
That's what friends are for 

Well, you came and opened me
And now there's so much more I see
And so by the way I thank you 

Whoa, and then for the times when we're apart
Well, then close your eyes and know
These words are comin' from my heart
And then if you can remember, oh 

Keep smiling, keep shining
Knowing you can always count on me, for sure
That's what friends are for
In good times, in bad times
I'll be on your side forever more
Oh, that's what friends are for 

Whoa... oh... oh... keep smilin', keep shinin'
Knowin' you can always count on me, for sure
That's what friends are for
For good times and bad times
I'll be on your side forever more
That's what friends are for 

Keep smilin', keep shinin'
Knowin' you can always count on me, oh, for sure
'Cause I tell you that's what friends are for
For good times and for bad times
I'll be on your side forever more
That's what friends are for (That's what friends are for) 

On me, for sure
That's what friends are for
Keep smilin', keep shinin'

ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะรู้สึกแบบนี้
เฝ้าตรึกตรองมานาน และค่อยๆ รู้สึก
ดีใจ ที่จะมีโอกาสพูดว่า "ฉันรักเธอ เพื่อน"
ฉันเชื่ออย่างนั้น

หากสักวันหนึ่ง ต้องเอ่ยคำอำลา
เธอจงหลับตา นึกถึงวันเวลาดีดีของเรา
และถ้าเธอยังจำได้

ขอจงยิ้มรับกับทุกสิ่ง เชื่อมั่นในความสวยงามนั้น
ให้เธอได้รู้ว่า  "เธอไว้ใจฉันได้ตลอดไป" 
นี่แหละคือความหมายของคำว่าเพื่อน

ทั้งในช่วงเวลาที่มีความสุขและทุกข์
"ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ"
นี่แหละคือความหมายของคำว่าเพื่อน

เธอเข้ามาในชีวิต และทำให้ฉันได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ มากมาย
และตอนนี้เหมือนจะง่ายที่ยอมรับ และเข้าใจ
อย่างไรก็ตามขอขอบคุณเพื่อนคนนี้มาก

และสักวันหากเราต้องจากลา
ขอเธอจงหลับตา และจงรับรู้ว่า ถ้อยคำทุกคำในเพลงนี้
ออกมาจากหัวใจฉัน --- ถ้าเธอจำได้นะ



วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

Goodbye My Love เติ้งลี่จวิน แปลงเป็นไทยเพลง สวัสดีที่รัก









เติ้ง ลี่จวิน

เติ้ง ลี่จวิน หรือ เทเรซา เตง (จีนตัวเต็ม: 鄧麗君; จีนตัวย่อ: 邓丽君; พินอิน: Dèng Lìjūn, ญี่ปุ่น: テレサ・テン, 29 มกราคม พ.ศ. 24968 พฤษภาคม พ.ศ. 2538) เป็นนักร้องเพลงจีนสากลชาวไต้หวันชื่อดังและมีอิทธิพลอย่างสูง เธอเกิดที่ เมืองเป่าจง มณฑลหยุนหลิน สาธารณรัฐจีน โดยบรรพบุรุษของเธอมาจากมณฑลเหอเป่ย์ สาธารณรัฐประชาชนจีน เสียงและเพลงของเธอเป็นที่จดจำทั่วทั้งเอเชียตะวันออกและในหมู่ชาวจีนทั้งในประเทศจีน ไต้หวัน และชาวจีนโพ้นทะเลทั่วโลก จนมีคำกล่าวว่า "มีชาวจีนอยู่ที่ไหน ก็จะได้ยินเพลงของเติ้ง ลี่จวินที่นั่น" นอกจากนี้ เพลงของเธอยังเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวญี่ปุ่น ชาวเกาหลี ชาวไทย ชาวเวียดนาม ชาวมาเลเซีย และชาวอินโดนีเซียจำนวนมากเช่นกัน 

เติ้ง ลี่จวิน มีชื่อเสียงจากบทเพลงรัก และเพลงพื้นเมืองภาษาหมิ่นหนาน (ภาษาฮกเกี้ยน) เพลงที่โด่งดังจนรู้จักกันทั่วไปทั่วเอเชีย ได้แก่เพลง เถียนมี่มี่ (甜蜜蜜, Tiánmìmì แปลว่า หวานปานน้ำผึ้ง) และเพลง เยว่เหลียงไต้เปี่ยวหวอ เตอซิน (月亮代表我的心, yuè liang dài biăo wŏ de xīn แปลว่า พระจันทร์แทนใจฉัน) ไม่เพียงเพลงภาษาจีนกลางเท่านั้น เธอยังเคยมีผลงานเพลงภาษาไต้หวัน ภาษากวางตุ้ง ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเวียดนาม ภาษาอินโนนีเซีย และภาษาอังกฤษด้วย 

เติ้ง ลี่จวิน เสียชีวิตอย่างกะทันหันเนื่องจากโรคหอบหืด ขณะเดินทางมาพักผ่อนที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2538 ขณะอายุได้เพียง 42 ปี 


ประวัติ 
ชีวิต วัยเยาว์

เติ้ง ลี่จวิน เกิดที่ เมืองเป่าจง มณฑลหยุนหลิน สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ครอบครัวของเธอมาย้ายมาจากมณฑลเหอเป่ย์ สาธารณรัฐประชาชนจีน (จีนแผ่นดินใหญ่) เธอได้เข้าเรียนในโรงเรียนสตรีกินหลิง เมื่อสมัยเด็ก เธอเคยชนะการประกวดร้องเพลงหลายรางวัล รางวัลใหญ่รางวัลแรกในชีวิตของเธอได้จากเพลง "พบอิงไถ" เพลงประกอบภาพยนตร์งิ้วหวงเหมยของชอว์บราเดอร์ เรื่อง "ม่านประเพณี" (梁山伯與祝英台, Liáng shān bó yú zhù Yīng tái, The Love Eterne) ในการประกวดที่จัดขึ้นโดยองค์การ กระจายเสียงแห่งจีน (中國廣播公司, Broadcasting Corporation of China) เมื่อ พ.ศ. 2507 เธอได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวตลอดมา และเมื่อถึงทศวรรษที่ 1960 ไต้หวันได้ปฏิวัติอุตสาหกรรม ทำให้ชาวไต้หวันซื้อหาแผ่นเสียงได้ง่ายขึ้น จนทำให้พ่อของเธออนุญาตให้เธอออกจากโรงเรียน และหันมาเป็นนักร้องอาชีพอย่างเต็มตัว 
ชีวิต นักร้อง 

ใน พ.ศ. 2511 เติ้ง ลี่จวิน เริ่มมีชื่อเสียงครั้งแรก เมื่อเธอได้ร้องเพลงในรายการเพลงที่มีชื่อเสียงรายการหนึ่งของไต้หวัน ทำให้ต่อมา เธอได้เซ็นสัญญาบันทึกเสียงกับบริษัทไลฟ์เรคคอร์ด และออกอัลบั้มหลายอัลบั้มในปีต่อมา 

ใน พ.ศ. 2516 เติ้ง ลี่จวิน ได้สร้างชื่อในวงการเพลงของญี่ปุ่น โดยออกอัลบั้มเพลงภาษาญี่ปุ่นกับโพลิดอร์เรคคอร์ด และเข้าร่วมการประกวดร้องเพลงประจำปีของสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค (NHK) ในรายการ โคฮะคุ อุตะ กัสเซน (ญี่ปุ่น: 紅白歌合戦 Kōhaku Uta Gassen ?) ซึ่งจะนำนักร้องที่ประสบความสำเร็จในปีนั้นๆมาแข่งขันกัน เติ้ง ลี่จวินได้รับรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมในปีนั้น เป็นผลให้เธอประสบความสำเร็จอย่างสูงในญี่ปุ่น และออกอัลบั้มภาษาญี่ปุ่นอีกหลายอัลบั้ม อันมีเพลงยอดนิยมหลายเพลง เช่น เพลง "โทะคิ โนะ นะงะเสะ นิ มิ โอะ มะคะเสะ" (ญี่ปุ่น: 時の流れに身をま かせ Toki no Nagare ni Mi wo Makase ?) หรือในฉบับภาษาจีนกลาง ชื่อเพลง "หว่อ จื่อ ไจ้ ฮู หนี่" (我只在乎你, wŏ zhĭ zài hu nĭ, I Only Care about you) 

ใน พ.ศ. 2517 เพลง "คูโค" (ญี่ปุ่น: 空港 kuukou ?) หรือ สนามบิน โด่งดังในญี่ปุ่น ทำให้เติ้ง ลี่จวิน ยังสามารถรักษาชื่อเสียงในญี่ปุ่นไว้ได้ แม้ว่าใน พ.ศ. 2522 เธอถูกต่อต้านในประเทศบ้านเกิดเป็นเวลาสั้นๆ จากการที่เธอได้ซื้อหลังสือเดินทางสัญญาติอินโดนีเซียปลอมด้วยราคา 20,000 เหรียญสหรัฐฯ เหตุการณ์นี้เป็นข้ออ้างเล็กๆข้ออ้างหนึ่งที่รัฐบาลไต้หวันใช้ในการตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่สาธารณรัฐจีน หรือไต้หวัน ถูกบีบให้ออกจากสหประชาชาติ และสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือจีนแผ่นดินใหญ่เข้ามาเป็นสมาชิกแทนเพียงเล็กน้อย 

ในทศวรรตที่ 1970 หลังจากที่เปิดตัวในญี่ปุ่น ชื่อเสียงของเติ้ง ลี่จวินก็เริ่มกระจายออกไปทั่วโลก ในช่วงนั้น เธอได้ออกผลงานเพลงภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีนกวางตุ้ง และภาษาอังกฤษ ควบคู่ไปกับภาษาจีนกลาง เธอโด่งดังอย่างรวดเร็วในมาเลเซียและอินโดนีเซีย ในไต้หวันเอง เติ้ง ลี่จวินไม่เพียงเป็นที่รู้จักในนาน "นักร้องอินเตอร์" เท่านั้น เธอยังเป็น "ขวัญใจทหารหาญ" อีกด้วย เนื่องจากเธอเปิดแสดงให้เหล่าทหารชมอยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้ เธอยังเป็นลูกสาวของครอบครัวทหารอีกด้วย ในการแสดงของเธอสำหรับกองทัพนั้น เธอได้ร้องเพลงพื้นเมืองภาษาไต้หวัน เพื่อให้เข้าถึงใจชาวไต้หวันเดิม และยังร้องเพลงภาษาจีนกลางยอดนิยม ที่ทำให้ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้ลี้ภัยจากสงครามกลางเมืองระหว่างพรรคก๊กมินตั๋งและพรรคคอมมิวนิสต์ จีน รู้สึกคิดถึงบ้านมากยิ่งขึ้น 

ในช่วงต้นของทศวรรษที่ 1980 ความตึงเครียดระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่และไต้หวันยังคงคุกรุ่น เหล่านักร้องจากทั้งไต้หวันและฮ่องกงถูกแบนในจีนแผ่นดินใหญ่ เนื่องจากถูกมองว่ามีความเป็นทุนนิยมเกินไป ถึงกระนั้น เติ้ง ลี่จวินก็ยังมีชื่อเสียงในหมู่ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ เนื่องจากชาวจีนส่วนหนึ่งนิยมหาเพลงจากตลาดมืด เพลงของเธอถูกเปิดทุกที่ ตั้งแต่สถานเริงรมณ์จนถึงสถานที่ราชการ จนทางการสั่งแบนเพลงของเธอในที่สุด ชาวจีนให้ฉายาเติ้ง ลี่จวินว่า "เติ้งน้อย" (小鄧, xiăo dèng) เนื่องจากเธอมีแซ่เดียวกับเติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนสมัยนั้น จนมีคำกล่าวว่า "เติ้ง เสี่ยวผิงครองเมืองจีนยามกลางวัน เติ้ง ลี่จวินครองเมืองจีนยามราตรี" 

ปลาย พ.ศ. 2524 เติ้ง ลี่จวิน หมดสัญญากับโพลิดอร์เรคคอร์ด จากนั้น เธอเซ็นสัญญากับธอรัสเรคคอร์ดใน พ.ศ. 2526 และประสบความสำเร็จในญี่ปุ่นอีกครั้ง ใน พ.ศ. 2527 เธอออกอัลบั้มที่ได้รับการยกย่องมากที่สุด ชื่อ "ต้าน ต้าน โยว ฉิง" (淡淡幽情, dàn dàn yōu qíng, Light Exquisite Feeling) เพลงในอัลบั้มนี้ เป็นเพลงที่แต่งจากบทกลอนสมัยราชวงศ์ถังและราชวงศ์ซ่ง 12 บท ประพันธ์ดนตรีโดยนักประพันธ์จากเพลงยอดนิยมของเธอเพลงก่อนๆ โดยใช้ดนตรีร่วมสมัยและมีกลิ่นอายของโลกตะวันออกและตะวันตกอยู่ร่วมกัน เพลงที่โด่งดังที่สุดจนบัดนี้นี้เพลง "ต้าน ย่วน เหยิน ฉาง จิ่ว" (但願人長久, dàn yuàn rén cháng jiŭ, Wishing We Last Forever) ช่วง พ.ศ. 2527 - 2532 เติ้ง ลี่จวิน ออกเพลงยอดนิยมมากมาย จนแฟนๆ ยกให้เป็น "ปีทองของเติ้ง ลี่จวิน" เติ้ง ลี่จวิน เป็นนักร้องคนแรกที่ได้รับรางวัลออลเจแปนเรคคอร์ดอวอด (All-Japan Record Awards) 4 ปีติดต่อกัน (พ.ศ. 2527 - 2531

ใน พ.ศ. 2532 เติ้ง ลี่จวิน ได้เปิดคอนเสิร์ตในกรุงปารีสของฝรั่งเศส ขณะนั้น เกิดเหตุการณ์การชุมนุมประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเห มินของนักศึกษาชาวจีนเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ในวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2532 เติ้ง ลี่จวิน ได้เปิดคอนเสิร์ตในนามของกลุ่มนักศึกษา เพื่อประกาศจุดยืนสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยของกลุ่มนักศึกษาในกรุงปักกิ่งของจีน คอนเสิร์ตดังกล่าวมีชื่อว่า "บทเพลงประชาธิปไตยเพื่อเมืองจีน" (民主歌聲獻中華, mín zhŭ gē shēng xiàn zhōng huá) จัดขึ้นที่สนามม้าแฮปปี้ วัลเลย์ ฮ่องกง มีผู้เข้าชมกว่าสามแสนคน เธอได้ประกาศจุดยืนว่า "บ้านของฉันอยู่คนละฝั่งกับภูผาใหญ่" อันตีความได้ว่า เธอจะต่อต้านพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั่นเอง 

แม้ว่า เติ้ง ลี่จวินจะได้เดินทางไปแสดงตามประเทศต่างๆทั่วโลกตลอดชีวิตการเป็นนักร้อง แต่เธอก็ไม่เคยไปแสดงในสาธารณรัฐประชาชนจีนเลย แต่เธอหวังมาโดยตลอด จนในที่สุด ในช่วงทศวรรษ 1990 พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เชิญเธอไปแสดงใน ประเทศจีน แต่ยังไม่ทันที่ความฝันของเธอจะเป็นจริง เติ้ง ลี่จวินก็มาเสียชีวิตเสียก่อน 
การ เสียชีวิตและการรำลึก 

ตั้งแต่เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เติ้ง ลี่จวิน ป่วยด้วยโรคหอบหืดเนื้อรังมา ตลอด จนในวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2538 เติ้ง ลี่จวิน เสียชีวิตอย่างกระทันหันด้วยโรคหอบหืดขั้นรุนแรง ขณะมาพักผ่อน ณ โรงแรมอิมพี เรียล แม่ปิง จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย ด้วยอายุ 42 ปี (43 ปีตามปฏิทินจีน) 

พิธีศพของเติ้ง ลี่จวิน ถูกจัดขึ้นแบบรัฐพิธี โลงศพขอเธอถูกคลุมด้วยธงชาติสาธารณรัฐจีน โดยอดีตประธานาธิบดีลีเต็งฮุย และประชาชนจำนวนหลายพันเข้าร่วมพิธีด้วยความอาลัยรัก 

ศพของเติ้ง ลี่จวิน ถูกฝันที่สุสานจินเป่าซาน อันเป็นสุสานติดภูเขาในเมืองจินซาน มณฑลไทเป ทางตอนเหนือของไต้หวัน ป้ายหลุมศพมีรูปปั้นของเติ้ง ลี่จวิน และคีย์บอร์ดเปียโนไฟฟ้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่พื้น เมื่อมีคนเหยียบที่แต่ละแป้น จะมีเสียงออกมาต่างกัน แม้ว่าชาวจีนจะเชื่อว่าควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในสุสานก็ตาม แต่สุสานของเธอมักมีแฟนเพลงจากทั่วโลกเข้ามาเคารพและรำลึกถึงเธออยู่เสมอ 

ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2545 ได้มีการเปิดตัวหุ่นขี้ผึ้งของ เติ้ง ลี่จวิน ที่พิพิธภัณฑ์ มาดามทุสโซส์ ฮ่องกง

ในวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ได้มีการจัดคอนเสิร์ต “15 ปี เติ้งลี่จวิน A Special Tribute” ขึ้นที่ศูนย์ประชุม แห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย โดยมีนักร้องชาวไทย 13 ขึ้นขับกล่อมบทเพลงของเติ้ง ลี่จวิน เพื่อเป็นการรำลึกการจากไปครบ 15 ปีของเธอ 
รางวัล จากญี่ปุ่น 

เติ้ง ลี่จวิน หลังจากได้ไปออกอัลบั้มภาษาญี่ปุ่นที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว เธอก็ประสบความสำเร็จ และได้รับรางวัลมากมาย ดังต่อไปนี้ 

รางวัลนักร้องดาวรุ่ง จาก เพลง "คูโค" (空港, Kuukou) หรือ สนามบิน เมื่อ พ.ศ. 2517
รางวัลเหรียญทอง จาก เพลง "โทะคิ โนะ นะงะเสะ นิ มิ โอะ มะคะเสะ" (時の流れに身をまかせ, Toki no nagare ni mi wo makase) หรือในฉบับภาษาจีนกลาง ชื่อเพลง "หว่อ จื่อ ไจ้ ฮู หนี่" (我只在乎你, Wŏ zhĭ zài hu nĭ, I Only Care about you) เมื่อ พ.ศ. 2526
รางวัลกรังด์ปรีซ์ 3 ปีซ้อน โดยก่อนหน้าเธอ ยังไม่มีนักร้องคนใดทำได้มาก่อน จากเพลง 
เพลง “ทสึกุไน” (つぐない, Tsugunai) เมื่อ พ.ศ. 2527
เพลง “ไอจิน” (愛人, Aijin) เมื่อ พ.ศ. 2528
เพลง "โทะคิ โนะ นะงะเสะ นิ มิ โอะ มะคะเสะ" (時の流れに身をまかせ, Toki no nagare ni mi wo makase) เมื่อ พ.ศ. 2529
รางวัลดาวเด่น จาก เพลง “วาคะเระ โนะ โยะคัง” (別れの予感, Wakare no Yokan) เมื่อ พ.ศ. 2530
รางวัลเคเบิ้ลเรดิโอมิวสิคอวอร์ด จาก เพลง “วาคะเระ โนะ โยะคัง” (別れの予感, Wakare no Yokan) เมื่อ พ.ศ. 2530 และ พ.ศ. 2531
รางวัลเคเบิ้ลเรดิโอมิวสิคเมอริตอวอร์ด (รางวัลเกียรติยศ) เมื่อ พ.ศ. 2538 สำหรับการชนะรางวัลกรังด์ปรีซ์ 3 ปีซ้อน ถือเป็นรางวัลสุดท้ายก่อนที่เธอจะเสียชีวิต



ดาวใจ ไพจิตร เกิดเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2497 ปีมะเมีย ที่จังหวัด กรุงเทพฯ (ร.พ.ญ) จบชั้นประถม ศึกษา ที่โรงเรียนวรรณวิทย์ จบมัธยมศึกษาที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนสตรีนนท์  จ.นนทบุรี 

เพลงแรกที่บันทึกแผ่นเสียง คือ เพลงสิ้นหล้า และ เพลงไม่อยากอยู่ เป็นผลงานเพลงของ คุณครูศรีสวัสดิ์ พิจิตรวรการ  ผลงานเพลงที่สร้างชื่อเสียงให้คือ เพลงอย่ามารักฉันเลย ผลงานเพลง คุณวินัย รุ่งอนันต์ เมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2518 ได้รับรางวัลเกียรติยศเพลงยอดนิยมยอดเยี่ยม ส.ส.ส.ประจำปี พ.ศ. 2518 

เพลงหยาดน้ำฝนหยดน้ำตา ได้รับรางวัลพระราชทานเพลงเกียรตินิยม ส.ส.ส.ประเภทนักร้อง ประจำปี พ.ศ. 2521 ผลงานเพลง คุณเนรัญชรา เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2521 

เพลงน้ำตาดารา ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทาน ประจำปี พ.ศ. 2522 จากพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเพลงนี้ได้รับพระราชทานถึง 3 รางวัล คือ ผู้ขับร้อง ดาวใจ ไพจิตร ผู้แต่งคือ อดีตสามี ท่านหัวหน้าศาลปรีดี สุจริตกุล และผู้เรียบเรียงเสียงประสานคือ คุณเสกสรร สอนอิ่มสาตร์ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2523 

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2534 ได้รับพระราชทาน ใบประกาศเกียรติคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา โดยมหาวิทยาลัยมหิดล ได้ประกาศเกียรติคุณให้ คุณดาวใจ ไพจิตร เป็นนักร้องผู้ขับร้องเพลงโดยใช้ภาษาไทยที่ถูกต้องและชัดเจนที่สุด 

เพลงที่แพร่หลายเป็นที่รู้จัก เช่น เพลงเตือนการณ์รัก เพลงเพียงคำนั้น เพลงยิ่งกว่ามาตกร เพลงรักนี้สีดำ เพลงหัวใจชา เพลงฉันทนไม่ได้ เพลงอย่ามารักฉันเลย เพลงน้ำตาดารา เพลงส่วนแบ่งที่ไม่เป็นธรรม เพลงคืนทรมาน เพลงทำไมถึงทำกับฉันได้ 

อ้างอิงจาก wikipedia 




PRN - Music...ology แปล ดนตรีวิทยา




Even the soldiers 
Need a break sometimes 
Listen 2 the groove ya'll 
Let it unwind ur mind 
No intoxication 
Unless u c what eye c 
Dancin hot n' sweaty 
Right in font of me 
Call it what u like 
I'm gonna call it how it b 
This is just another one 
Of God's gifts 
Musicology 
Keep that party movin 
Just like eye told you 
Kick the old school joint 
4 the true funk soldiers 
Musicology 
Wish eye had a dollar 
4 every time u say 
Don't u miss the feeling 
Music gave ya 
Back in the day? 
Let's Groove 
September 
Earth, Wind and Fire 
Hot Pants by James 
Sly's gonna take u higher 
Minor keys and drugs 
Don't make a rollerskate jam 
Take ur pick - turntable or a band? 
If it ain't Chuck D 
or Jam Master Jay 
Know what? 
They're losin' 
'Cause we got a PhD in 
Advanced Body Movin' 
Keep the party movin' 
Just like eye told u 
Kick the old school joint 
4 the true funk soldiers 
Musicology

................................................................

แม้แต่กองทัพบางครั้งยังต้องการพัก
ฟังสรรพเสียงแห่งความสันติสุข
มาเถอะมาผ่อยสบายคลายจิตใจ
โดยปราศจากความลุ่มหลงมึนเมา
อย่างน้อยก็ได้สัมผัสในสิ่งที่เห็น
มาเต้นรำให้เหงื่อโชก
มาเป็นคู่เต้นรำของฉัน

บอกซิอะไรที่เธอชอบ
ฉันจะหามาให้เธอ
นี่เป็นอีกอย่าง
ของขวัญจากพระเจ้า
ดนตรีวิทยา

สังสรรค์สุขสันต์
เพียงแค่บอกด้วยแววตา
อย่าได้พลาดความรู้สึกนี้
ดนตรีได้มอบให้
และการกลับไปสู่มัน

ไหลไปตามมัน
กันยายน
โลก สายน้ำ ไฟไฟ
Hot Pants โดย James 
ฉุดให้สุดเหวี่ยง
คีย์ไมเนอร์พี้ยา
rollerskate jam  บรรเลง
หรือจะสรรหา แผ่นเสียง วงดนตรี
ถ้าไม่มีก็ขอเพลงของChuck D 
หรือไม่ก็ Jam Master Jay 
รู้จักอะป่าว
เพราะเราได้ปรัชญาดุษฏีบัณฑิตสาขา
การเคลื่อนไหวร่างการชั้นสูง

สังสรรค์สุขสันต์สุดเร้า
เพียงกล่าวด้วยแววตา
ทิ้งเพื่อนเก่าแสนเชย
กับเพื่อนเสมอย่าง funk soldiers
โอ ดนตรีวิทยา 


วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

Cuckoo! Song

วันนี้ฝนตก น้องสาวก็กลับบ้านไปแล้ว เกิดความรู้สึกเหงาๆ ขึ้นมา พลันในหัวสมองก็เกิดเป็นเสียงนก จากนาฬิกา กุกกู เข้ามา ใช่สิ มันคงถึงเวลาแล้ว เพราะทุกอย่างมีเวลาของมันทั้งสิ้น เหมือนหนังยังไงก็ถึงฉากสุดท้าย และเดินเรื่องเข้าสู่ตอนจบ







อันเก่ายังแปลบ่เสด เอาแหมละ เดี๋ยวจะปิ๊กมาเขียนเน้อเจ้า

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

Françoise Hardy - Le Temps de l'Amour : TIME TO LOVE แปล ถึงเวลารัก

French:
LE TEMPS DE L'AMOUR

C'est le temps de l'amour, 
Le temps des copains et de l'aventure
Quand le temps va et vient, 
On ne pense a rien malgre ses blessures
Car le temps de l'amour
C'est long et c'est court, 
Ca dure toujours, on s'en souvient

On se dit qu' a vingt ans on est le roi du monde, 
Et qu' éternellement il y aura dans nos yeux
Tout le ciel bleu

C'est le temps de l'amour, 
Le temps des copains et de l'aventure
Quand le temps va et vient, 
On ne pense a rien malgre ses blessures
Car le temps de l'amour
Ca vous met au coeur
Beaucoup de chaleur et de bonheur

Un beau jour c'est l'amour et le coeur bat plus vite, 
Car la vie suit son cours
Et l'on est tout heureux d'etre amoureux

C'est le temps de l'amour, 
Le temps des copains et de l'aventure
Quand le temps va et vient, 
On ne pense a rien malgre ses blessures
Car le temps de l'amour
C'est long et c'est court, 
Ca dure toujours, on s'en souvient.


English:

TIME TO LOVE

It's time to love,
Time for friends and adventure.
When the time comes and goes,
Can not think of anything despite his injuries.
For the love of time
It is a long and short
It lasts forever, it will be remembered.

It is said that twenty years it is the king of the world
And there will be eternally in our eyes
All the blue sky.

It's time to love,
Time for friends and adventure.
When the time comes and goes,
Can not think of anything despite his injuries.
For the love of time
It puts you in the heart
Much warmth and happiness.

One day it's love and the heart beats faster,
Because life goes on
And we are quite happy to be in love.

It's time to love,
Time for friends and adventure.
When the time comes and goes,
Can not think of anything despite his injuries.
For the love of time
It is a long and short
It lasts forever, it will be remembered.

1962
Wes Anderson, "Moonrise Kingdom", trailer 2012


ถึงเวลารัก


มันถึงเวลาแล้วที่จะ "รัก"
ถึงเวลาสำหรับมิตรภาพ และความหวาดเสียว
เวลานั้นไหลดั่งวารี 
ไม่ไหวที่จะมัวนั่งคิดถึงความรวดร้าวที่เขาทำ
แด่ความรักเซ่นเวลา
มันดูเหมือนยาวแต่ก็สั้น
อมตะนิรันดร์ พอที่จะไม่ลืม


นั่นสิมันก็จะ 20 ปี แห่งการเป็นจ้าวโลก
และเป็นนิรันดร์นิจในสายตาเรา
กระจายเต็มฟ้าใส


มันถึงเวลาแล้วที่จะ "รัก"
ถึงเวลาสำหรับมิตรภาพ และการผจญภัย
เมื่อมันมาแล้วก็ไป
ไม่ไหวที่จะมัวนั่งคิดถึงความรวดร้าวที่เขาทำ
สำหรับช่วงเวลาแห่งรัก
สถิตย์อยู่ ณ กลางหทัย
สุดสุขสันต์ และหรรษา


สัมผัสลิ้มซึ่งรัก เขย่าหัวใจโคลงเคลง
เพราะชีวิตยังต้องดำเนิน
เราสนุกครามครัน "ที่จะรัก"


มันถึงเวลาแล้วที่จะ "รัก"

ถึงเวลาสำหรับมิตรภาพ และการผจญภัย
เมื่อมันมาแล้วก็ไป
ไม่ไหวที่จะมัวนั่งคิดถึงความรวดร้าวที่เขาทำ

แด่ความรักเซ่นเวลา
มันดูเหมือนยาวแต่ก็สั้น
อมตะนิรันดร์ พอที่จะไม่ลืม





My way - เส้นทางชีวิต ของฉัน



And now the end is near
And so I face the final curtain
My friend I'll say it clear
I'll state my case of which I'm certain

I've lived a life that's full
I traveled each and every highway
And more, much more than this
I did it my way

Regrets I've had a few
But then again too few to mention
I did what I had to do
And saw it through without exemption

I planned each charted course
Each careful step along the byway
And more, much more than this
I did it my way

Yes there were times I'm sure you knew
When I bit off more than I could chew

But through it all when there was doubt
I ate it up and spit it out, I faced it all
And I stood tall and did it my way

I've loved, I've laughed and cried
I've had my fill, my share of losing
And now as tears subside
I find it all so amusing

To think I did all that
And may I say not in a shy way
Oh no, oh no, not me
I did it my way

For what is a man what has he got
If not himself then he has not
To say the things he truly feels
And not the words of one who kneels
The record shows I took the blows
And did it my way

Yes it was my way


ตอนนี้ ใกล้เข้ามาแล้วสินะ จุดจบ
ในที่สุดชีวิตฉันก็พบกับฉากสุดท้าย
เพื่อนเอ๋ย ฉันจะเล่าอะไรให้ฟัง
ฉันจะเล่าเรื่องราวของชีวิตฉันให้ฟัง  

เท่าที่ผ่านมาฉันได้ใช้มันคุ้มเหลือเกิน
ฉันท่องตะเวนไปทุกแห่่ง ทางทุกสาย
และที่สำคัญกว่านั้น
ฉันได้ใช้ชีวิต... ในแบบของฉัน

เสียใจบ้างไหม ... ก็มีบ้าง
แต่มันก็น้อยเสียจนไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึง
ฉันทำในสิ่งที่ฉันตั้งใจ
ทำโดยไม่มีข้อแม้ เงื่อนไข ใดๆ
ทุกเส้นทางฉันวางวาดไว้อย่างดี
ทุกย่างก้าวไตร่ตรองลึกซึ้ง
และยิ่งกว่านั้น
ฉันทำมันทั้งหมด... ในแบบของฉัน

ใช่ ฉันแน่ใจว่าคุณรู้ หลายครั้ง
ฉันมักทำอะไรเกินตัวไปหน่อย
แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่อุปสรรคมาขวางจนฉันสะดุด
ฉันจะกัดฟัน ยอมสู้แลกหมัดกับมัน
เผชิญหน้าอย่างห้าวหาญ และไม่ท้อถอย
และจะทำ... ในแบบของฉัน

เป็นธรรมดาที่มีทั้งสุข และทุกข์
ตอนนี้บ่อน้ำตาคงเหือดแห้ง
สิ่งทั้งหมด ลองมองผ่าน ดูมันช่างน่าขัน
เมื่อมาคิดดูฉันได้เรียนรู้ และผ่านมาทั้งหมดแล้ว

และขอบอกด้วยนะ ว่าสิ่งที่ทำมา
ด้วยจิตในที่เข้มแข็ง กล้าหาญ

โอ้.....ไม่ใช้ฉันแน่!
เพราะฉันจะทำในแบบของฉัน
สำหรับคนคนหนึ่ง คนคนนั้นมีอะไรอยากแบ่งปัน

*ถ้าเขาไม่เป็นตัวเองแล้ว เท่ากับว่าเขาไม่มีอะไรเลย

นั่นคือความจริงจากความรู้สึก
ไม่ใช่คำพูดของผู้พ่าย
ทุกอย่างอยู่ที่เรียนรู้ แล้วฉันก็ยอมรับมัน 

และจัดการมันในแบบของฉัน 

นั่นสิ นี่มันทางเดินชีวิตของฉันนี่ ......






วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

Mul Mantra by Snatam Kaur แปล




Ek On Kar
Sat Nam
Kartaa Purkh Nirbhao Nirvair

Akaal Moorat
Ajoonee, Saibhang, Gur Prasaad

Aad Sach, Jugaad Sach
Hai Bhee Sach, Nanak Hosee Bhee Sach
Nanak Hosee Bhee Sach

Ek On Kar
Sat Nam
Kartaa Purkh Nirbhao Nirvair

Akaal Moorat
Ajoonee, Saibhang Gur Prasaad

Aad Sach, Jugaad Sach
Hai Bhee Sach, Nanak Hosee Bhee Sach
Nanak Hosee Bhee Sach


อีกหนึ่งผู้สร้าง, สัจจธรรม คือชื่อของเขา
กรรมของทุกสิ่ง 
ความกล้าหาญ - ไม่ผู้พยาบาท - ไม่ดับ - ไม่เกิด
สู่ปัญญา ท่านคุรุ ประสิทธิ์จิตพิตรอันลึกซึ้ง
สัจธรรมแห่งการเริ่มต้น ของทุกคน
ความจริงแท้เสมอ Oh Nanak
และตลอดไป