อยู่นี่แล้ว


วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2558

水樹奈々禁断のレジスタン แปลไทย


水樹奈々『禁断のレジスタンス』MUSIC CLIP(Full Ver.)แปลไทย





การเริ่มต้นมันน่ารัก ดั่งการคงอยู่ของความอยุติธรรม

แต่ก็คล้ายกับฉันได้ลิ้มรสกับการต่อสู้ที่นำไปสู่การแตกดับ 

คือเครื่องเซ่นสังเวยด้วยการเกิด การดำรงอยู่ เพื่ออะไร? 

ต่อเมื่อเราทราบและโต้กลับซึ่งสรรพสิ่งของธรรมชาติ ก็รู้ ไม่มีทางฝืนได้เลย 

อะไรหรือคือความหรรษาของมนุษย์เราทุกวันนี้? 

การสวมกอด เต้นรำกับโชคชะตาและบรรทัดฐานของสังคม? 

หรือการแสร้งอยู่ในสูญตาอันเวิ้งว้าง (ใช่มันสวยงามละอยู่บนโลกอันน่าสิ้นหวังนี้) 

ฝันที่แตกสลายที่ไม่มีวันสูญสิ้น หรือจะลืมซึ่งน้ำตาที่จมซากความทรงจำ
อันไหลนองเป็นสายเลือดของภพชาติ 

ขอความทุกข์ จงนำพามาซึ่งเสียงสังสารวัฏ ในบทเพลงอนันตยกัลป์ 

จิตฉันจะโบยบิน บิน ให้สูง สูงขึ้นไป ปลดเปลื้องปล่อยวางภาระที่เหลืออยู่ในซากกรรมเก่า 

สัมผัสได้ไหมว่าหัวใจมันยังเต้น เต้น สู้ไม่เคยท้อ นี่คือชีวิต!!! 

ก็ไม่แย่นะ สำหรับการเกิดมา ด้วยหัวใจที่เต้นกระเพื่อมไปถึงฟากฟ้าแสนไกลนี้ 

ผ่านห้วงมหานทีอันกว้างไม่มีที่สิ้นสุด ดั่งดารากระพริบเมื่อสุริยนลับหวัง 

เมื่อความมืดคืบคลานมากับความเหงา ความเศร้าต่างรุมเร้ากัดแทะจิตใจ 

แต่ฉันก็ยังพยายาม ปลอบประโลมยอมรับความรู้สึกนั้นด้วยสุขกุศล 

อะไร ใครหรือที่หยิบยื่นความสุข ในภาพนั้นที่ยังเคยติดตา ผลกรรมจำฝังใจในอัตตา 

ตื่น รู้ เข้าสู่ความจริง !!!!! 

เมื่อนั้นแสงแห่งความหวังจะสาดส่องซากปรักแห่งความทรงจำ และแผดเผาสั่นสะเทือนเหมือนจะร่ำไห้ 

ความทรมานนี้ก็ยังดีกว่านอนจมปรักอยู่กับสิ่งที่ไม่มีวันเห็นและเป็นไปได้ 

ฉั้นขอเย้ยเยาะ และไม่อยากเชื่อเลยว่าจะผ่านเวลาที่ยากเย็นแสนบ้านั้นมาได้ 

จากนี้ไปจะปลดเปลื้องพันธนาการอย่ากล้าหาญ สู่วันใหม่ที่สดใส 

ดั่งเช้าวันใหม่จะไม่มีวันซ้ำวันเก่า ดั่งความมหัศจรรย์ในความไม่สมบูรณ์ของสรรพสิ่ง 

ถ้าคุณมีความฝัน จงวางภาระในใจให้สิ้นก่อนที่จะโบยบิน และจงบินให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ 


เนื้อเพลงเดิมเป็นแบบนี้จริงๆ คงแต่งนี่จบปรัชญามาหรือเปล่านิ มันลึกซึ้งมากชาวโลก

วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2557

สัจธรรม ดนตรี การเยียวยา



มนุษย์มีความผูกพันธ์ในแง่กักกันกับภาษาและวัฒนธรรมอย่างลึกซึ่ง
ภาษา และวัฒนธรรมสร้างความเป็นนิสัยให้แก่ความเป็นกลุ่มชน ชาติพันธ์ุ
ในเมืองไทยมีการเปิดสอนวิชาชีพ ดนตรีขึ้นมาอย่างมากมาย แต่ไร้ซึ่งธรรม

ดนตรีที่เสียเงินเรียนแพงนั้น ไม่ให้คำตอบชีวิตอย่างที่ทุกคนคาดหวัง
เพราะถูกเรียนมาแบบอุตสาหกรรมดนตรี ไม่ใช่ศิลปิน 
เขาอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปให้เกิดเป็นศิลปิน มีคำว่าพรสวรรค์เป็นเพดาน

จบมาแล้วทุกคนต่างศูนย์เสียความเป็นมนุษย์ เรียนไปเป็นผีดูดเลือด 
และแพร่พันธุ์ กระจายตัวไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว 

โอว มาย ก๊อด อายฟิว แดทซ์ คิส มี ฮาร์ด บิ ฟอร์ว ยูว โกววววว

ชีวิตคนเรามันสั้นนัก และมนุษย์ต่างมีวิวัฒนาการที่จะเรียนแค่ดนตรี
ดนตรี เมื่อ 500 ปีก่อนหรือ ? เราหลงทาง หรือถูกทำให้หลงทาง


ความเจริญมันถูกหยุดลงแล้ว และยิ่งแย่ลง ถ้าเราไม่เปลี่ยนตัวเอง 
ความชั่วนี้ยิ่งกระจายไปมากขึ้น มากจนสมองไม่มีเวลาคิด มันจะฝ่อ
ฝ่อเพราะวัฒนธรรมใครบางคน ความชอบรสนิยมคนบางคน

ฉันเกลียดอะไรแบบนี้มากที่สุด ซีดส์มาก เมืองไทยคงได้แค่นี้ 

โชคดีที่ฉันไม่ทำดนตรี และไม่เรียนดนตรีแบบที่เขารู้กันแล้ว 


จูบฉันอย่างเยือกเย็น ฉันเห็นพวกเธอ โง่ลงปีละเยอะๆ 
เวลามีค่าที่เธอใช้ไป ล้วนเดินบนสายพานที่เขาสร้างไว้

สิ่งที่แสวงหากลับไม่เจออะไร 


เศร้า และสะใจเล็กๆ  ไร้ซึ่งการเยียวยาใดใด



วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ความทุกข์ : Let It Go - Idina Menzel



ค่ำคืนแห่งหิมะและเกล็ดน้ำแข็งที่ปกคลุมขุนเขา
ดูเหมือนไร้ซึ้งรอยเท้านำทาง
ในดินแดนอันแคว้งคว้างฉันดูเหมือนจะเป็นราชินี
พายุลูกใหญ่โหมกระหน่ำแต่ยังซ่อนเร้นสายลมหมุน
เหมือนไม่สามารถเก็บซ่อนอารมณ์นี้เอาไว้
สวรรค์รู้ฉันเหนื่อยและล้า

อย่าเปิดใจให้ใคร อย่าให้ใครได้เห็นฉันเป็นคนดี 
เหมือนอย่างที่เคยเป็นปกปิดเอาไว้
 ไม่ให้รู้สึก ไม่ให้ล่วงรู้แล้วไง? 
ยังไงก็คือความจริง!!!

ปล่อยมันไป ให้เป็นไป
ไม่อยากให้กลับไปเหมือนเดิมอีกต่อไป
ปล่อยมันไป ให้เป็นไป
หันหลังจากมาแล้วอย่าทิ้งเยื่อใย
ฉันไม่แคร์ ว่าใครจะพูดอะไร
ต่อให้พายุโหมกระหน่ำซ้ำแรง
ถ้าไม่ปรุงแต่งก็ไม่สะทกสะท้านไง

นี่มันเรื่องตลกเวลามองอะไรไกลๆ
ดูเหมือนอะไรๆ จะดูเล็กลง
ความกลัว ที่เคยครอบครอง
บัดนี้จรไม่เล็กลงไม่เหมือนเคย

นี่คือเวลามองโลกกว้าง เปิดตา เปิดใจ
เพื่อทดสอบขีดจำกัดของตัวเอง
ไม่มีถูก ไม่มีผิด ไม่มีกฏเกณฑ์ สำหรับฉัน
มันคือ อิสระ

ปล่อยมันไป ให้เป็นไป
เป็นหนึ่งเดียวกับท้องฟ้าและดวงดาว
ปล่อยมันไป ให้เป็นไป
คุณจะไม่มีวันเห็นน้ำตาแห่งความเสียใจ
นี่คือจุดยืน แหละนี่คือความชอบธรรม
ฉันไม่หวั่น (ยักไหล่)

พลังฉันแตกซ่านละลอยล่องผ่านอากาศสู่ธรณี
จิตวิญญาณแทรกซึมในทุกอณูเวียนว่ายล้อมกายฉัน
ทุกสภาวะจิตเบิกบานไร้ซึ่งอวิชาสงสัย
มันคือสัจธรรม

ปล่อยมันไป ให้เป็นไป
เหมือนดวงตะวันทะยานส่องแสงบนฟากฟ้า
ปล่อยมันไป ให้เป็นไป
เมื่อกุศลย่อมเกิดขึ้นที่ใจตน
นี่คือจุดยืนสู่ปณิธานใหม่
ต่อไป ความทุกข์ก็คงไม่เท่าไหร่...

วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556

พิษ

หากถามฉันว่ารู้ว่าเป็นทุกข์ยังทำอีก รู้ว่ารักมันโศกก็โยกตามจังหวะน้ำตามันอยู่ เสมือนมีคนมารับฉันเล่นน้ำสงกรานต์ เวลาที่คุณโดนสาดน้ำจนตัวเอน มันเหมือนอะไรหลุดออกไปจากตัว ฉันเย็นกับคราบน้ำที่ค่อยๆ ระเหย เราไม่เคยโกรธเลยที่โดนกระทำแบบนี้ เสียวอีกแบบ 




นี่เธอ ไม่เห็นจริงๆ หรา
ฉันเรียกเธออยู่หนะ
คนอย่างเธอเนี๊ยะ
ควรมีป้ายเตือนนะ
ว่าอันตรายฝุดๆ 
ฉันหลงใหล

ไร้ซึ่งหนทางหลีกหนี
ไม่อยากรอ 
ฉันอยากโดนสักที
ที่รัก ให้ฉันสิ
เธอหนะตัวอันตราย
ฉันรักเธอบ้ามาก ให้ตายสิ

ล่มหลงมัวเมา
หยุดไม่ได้แล้ว
คลั่งสุดๆ
เธอ เธอ หมุนวน ในหัวฉัน
เต็มไปหมด บอกสิ รู้สึกกับฉันอย่างไร?

ริมฝีปากเธอรสอะไร?
ฉันลอยลิ่วเหมือนซิ่งรถไต่ถัง
เธอเหมือนยาพิษที่ฉันเต็มใจดื่มเข้าไป
รสชาติมันเลิศรส เยี่ยมยอด
ฉันเสพติดมัน
ฉันหลงรักในพิษร้ายของเธอ
รู้ไหมเธอคือ "ยาพิษ"

รู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว
ว่าต้องตัดใจจากเธอ
ขอดื่มอีกสักแก้วสิ๊
ยาพิษจากมัจจุราช
ช้า ๆ
โอ้ว มันค่อยๆ ซ่าน ไปทั่วร่าง

ฉันลอยสูง ตัวเบา 
กลับลงสู่คนเดิมไม่ได้อีกแล้ว
และวนอยู่รอบๆ 
เธอรู้สึกได้ไหม?

ป้อนให้ฉันสิ ฉันพร้อมแล้ว
ด้วยรัก ฉันเต็มใจ
ด้วยพิษรักที่รุนแรง สาสม
ป้อนฉันสิ ฉันพร้อมแล้ว
ด้วยรัก ฉันเต็มใจ 






ทุกอย่างล้วนเป็นบทเรียน คือครู เราโดนทดสอบเสมอกับสิ่งที่เรียกว่าตัวตน รักลึกบาดใจ เกลียดซ้ำซอกโศก สุขวิปโยค โกรธหลง มี ไม่มี ฉันยืนอยู่ท่ามกลางจักรวาล และโลกของมนุษย์

วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แสงแห่งพระผู้เป็นเจ้า


แสงศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือคุณ รอบตัวคุณ ในตัวคุณ ร่างการคุณเสมือนเครื่องดนตรีในการทอแสงส่องประกายให้โลกงามจากพระเจ้าสู่ความเป็นนิรันดร์ เป็นภาระกิจจาดเบื้องบนในการช่วยเหลือ เราต่างเป็นเครื่องมือของพระองค์ท่านในการสร้างสรรค์โลกงาม บนเส้นทางที่ถูกเลือก คือนักรบแห่งแสงสว่าง Rev. Ana Jones

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

มายาคติของแสง สี เสียง



ในทางฟิสิกส์และทัศนศาสตร์ เส้นฟรอนโฮเฟอร์ (อังกฤษ: Fraunhofer lines) เป็นชุดของเส้นสเปกตรัมซึ่งตั้งชื่อตามนักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน โยเซฟ ฟอน ฟรอนโฮเฟอร์ (1787-1826) เส้นดังกล่าวเดิมจะสังเกตเห็นเป็นแถบมืด (เส้นการดูดกลืน) ในคลื่นที่ตามองเห็นของดวงอาทิตย์

ในปี ค.ศ. 1802 นักเคมีชาวอังกฤษ วิลเลียม ไฮด์ วอลลาสตัน เป็นบุคคลแรกที่จดบันทึกรูปลักษณ์ของแถบมืดในสเปกตรัมดวงอาทิตย์ ในปี ค.ศ. 1814 ฟรอนโฮเฟอร์ค้นพบเส้นดังกล่าวแยกต่างหาก และเริ่มต้นการศึกษาอย่างเป็นระบบ และการวัดความยาวคลื่นของแถบเหล่านี้อย่างระมัดระวัง ทั้งหมดแล้ว เขาได้ทำแผนที่เส้นดังกล่าวมากกว่า 570 เส้น และให้ชื่อลักษณะสำคัญด้วยตัวอักษร A ถึง K และเส้นที่อ่อนกว่าด้วยตัวอักษรอื่น การสังเกตแสงอาทิตย์สมัยใหม่สามารถตรวจจับเส้นเหล่านี้ได้หลายพันเส้น

อีกราว 45 ปีให้หลัง กุสตาฟ เคอร์ชอฟฟ์และโรเบิร์ต บุนเซนสังเกตว่าเส้นฟรอนโฮเฟอร์หลายเส้นเกิดขึ้นพร้อมกับเส้นเปล่งแสงอันมีลักษณะเฉพาะที่สามารถบ่งชี้ธาตุเคมีที่ได้รับความร้อนในสเปกตรัมได้ ทั้งสองได้รับข้อสรุปที่ถูกต้องว่าเส้นมืดในสเปกตรัมดวงอาทิตย์นั้นเกิดจากการดูดกลืนโดยธาตุเคมีในชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์ ลักษณะอื่นบางลักษณะที่สามารถสังเกตเห็นได้ถูกระบุว่าเป็นเส้นฐานพิภพซึ่งเกิดจากการดูดกลืนโมเลกุลออกซิเจนของชั้นบรรยากาศของโลก อ้างอิงจาก http://th.wikipedia.org/

   ปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์นี้สามารถนำมาจัดแบ่งพื้นที่ของเสียงโดยให้นิยามแทนค่ามายาคติของตัวเลข และความสัมพันธ์กันของจักรวาลมาเป็นสิ่งชี้นำเพื่อประยุกต์ใช้ในองค์ความรู็ที่เกี่ยวข้อง เช่นสีของจักระในร่างกายมนุษย์ที่จัดแบ่งความความถี่ของคลื่นพลังงาน รวมถึงการสั่นสะเทือน