อยู่นี่แล้ว


วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

Goodbye My Love เติ้งลี่จวิน แปลงเป็นไทยเพลง สวัสดีที่รัก









เติ้ง ลี่จวิน

เติ้ง ลี่จวิน หรือ เทเรซา เตง (จีนตัวเต็ม: 鄧麗君; จีนตัวย่อ: 邓丽君; พินอิน: Dèng Lìjūn, ญี่ปุ่น: テレサ・テン, 29 มกราคม พ.ศ. 24968 พฤษภาคม พ.ศ. 2538) เป็นนักร้องเพลงจีนสากลชาวไต้หวันชื่อดังและมีอิทธิพลอย่างสูง เธอเกิดที่ เมืองเป่าจง มณฑลหยุนหลิน สาธารณรัฐจีน โดยบรรพบุรุษของเธอมาจากมณฑลเหอเป่ย์ สาธารณรัฐประชาชนจีน เสียงและเพลงของเธอเป็นที่จดจำทั่วทั้งเอเชียตะวันออกและในหมู่ชาวจีนทั้งในประเทศจีน ไต้หวัน และชาวจีนโพ้นทะเลทั่วโลก จนมีคำกล่าวว่า "มีชาวจีนอยู่ที่ไหน ก็จะได้ยินเพลงของเติ้ง ลี่จวินที่นั่น" นอกจากนี้ เพลงของเธอยังเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวญี่ปุ่น ชาวเกาหลี ชาวไทย ชาวเวียดนาม ชาวมาเลเซีย และชาวอินโดนีเซียจำนวนมากเช่นกัน 

เติ้ง ลี่จวิน มีชื่อเสียงจากบทเพลงรัก และเพลงพื้นเมืองภาษาหมิ่นหนาน (ภาษาฮกเกี้ยน) เพลงที่โด่งดังจนรู้จักกันทั่วไปทั่วเอเชีย ได้แก่เพลง เถียนมี่มี่ (甜蜜蜜, Tiánmìmì แปลว่า หวานปานน้ำผึ้ง) และเพลง เยว่เหลียงไต้เปี่ยวหวอ เตอซิน (月亮代表我的心, yuè liang dài biăo wŏ de xīn แปลว่า พระจันทร์แทนใจฉัน) ไม่เพียงเพลงภาษาจีนกลางเท่านั้น เธอยังเคยมีผลงานเพลงภาษาไต้หวัน ภาษากวางตุ้ง ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเวียดนาม ภาษาอินโนนีเซีย และภาษาอังกฤษด้วย 

เติ้ง ลี่จวิน เสียชีวิตอย่างกะทันหันเนื่องจากโรคหอบหืด ขณะเดินทางมาพักผ่อนที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2538 ขณะอายุได้เพียง 42 ปี 


ประวัติ 
ชีวิต วัยเยาว์

เติ้ง ลี่จวิน เกิดที่ เมืองเป่าจง มณฑลหยุนหลิน สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ครอบครัวของเธอมาย้ายมาจากมณฑลเหอเป่ย์ สาธารณรัฐประชาชนจีน (จีนแผ่นดินใหญ่) เธอได้เข้าเรียนในโรงเรียนสตรีกินหลิง เมื่อสมัยเด็ก เธอเคยชนะการประกวดร้องเพลงหลายรางวัล รางวัลใหญ่รางวัลแรกในชีวิตของเธอได้จากเพลง "พบอิงไถ" เพลงประกอบภาพยนตร์งิ้วหวงเหมยของชอว์บราเดอร์ เรื่อง "ม่านประเพณี" (梁山伯與祝英台, Liáng shān bó yú zhù Yīng tái, The Love Eterne) ในการประกวดที่จัดขึ้นโดยองค์การ กระจายเสียงแห่งจีน (中國廣播公司, Broadcasting Corporation of China) เมื่อ พ.ศ. 2507 เธอได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวตลอดมา และเมื่อถึงทศวรรษที่ 1960 ไต้หวันได้ปฏิวัติอุตสาหกรรม ทำให้ชาวไต้หวันซื้อหาแผ่นเสียงได้ง่ายขึ้น จนทำให้พ่อของเธออนุญาตให้เธอออกจากโรงเรียน และหันมาเป็นนักร้องอาชีพอย่างเต็มตัว 
ชีวิต นักร้อง 

ใน พ.ศ. 2511 เติ้ง ลี่จวิน เริ่มมีชื่อเสียงครั้งแรก เมื่อเธอได้ร้องเพลงในรายการเพลงที่มีชื่อเสียงรายการหนึ่งของไต้หวัน ทำให้ต่อมา เธอได้เซ็นสัญญาบันทึกเสียงกับบริษัทไลฟ์เรคคอร์ด และออกอัลบั้มหลายอัลบั้มในปีต่อมา 

ใน พ.ศ. 2516 เติ้ง ลี่จวิน ได้สร้างชื่อในวงการเพลงของญี่ปุ่น โดยออกอัลบั้มเพลงภาษาญี่ปุ่นกับโพลิดอร์เรคคอร์ด และเข้าร่วมการประกวดร้องเพลงประจำปีของสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค (NHK) ในรายการ โคฮะคุ อุตะ กัสเซน (ญี่ปุ่น: 紅白歌合戦 Kōhaku Uta Gassen ?) ซึ่งจะนำนักร้องที่ประสบความสำเร็จในปีนั้นๆมาแข่งขันกัน เติ้ง ลี่จวินได้รับรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมในปีนั้น เป็นผลให้เธอประสบความสำเร็จอย่างสูงในญี่ปุ่น และออกอัลบั้มภาษาญี่ปุ่นอีกหลายอัลบั้ม อันมีเพลงยอดนิยมหลายเพลง เช่น เพลง "โทะคิ โนะ นะงะเสะ นิ มิ โอะ มะคะเสะ" (ญี่ปุ่น: 時の流れに身をま かせ Toki no Nagare ni Mi wo Makase ?) หรือในฉบับภาษาจีนกลาง ชื่อเพลง "หว่อ จื่อ ไจ้ ฮู หนี่" (我只在乎你, wŏ zhĭ zài hu nĭ, I Only Care about you) 

ใน พ.ศ. 2517 เพลง "คูโค" (ญี่ปุ่น: 空港 kuukou ?) หรือ สนามบิน โด่งดังในญี่ปุ่น ทำให้เติ้ง ลี่จวิน ยังสามารถรักษาชื่อเสียงในญี่ปุ่นไว้ได้ แม้ว่าใน พ.ศ. 2522 เธอถูกต่อต้านในประเทศบ้านเกิดเป็นเวลาสั้นๆ จากการที่เธอได้ซื้อหลังสือเดินทางสัญญาติอินโดนีเซียปลอมด้วยราคา 20,000 เหรียญสหรัฐฯ เหตุการณ์นี้เป็นข้ออ้างเล็กๆข้ออ้างหนึ่งที่รัฐบาลไต้หวันใช้ในการตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่สาธารณรัฐจีน หรือไต้หวัน ถูกบีบให้ออกจากสหประชาชาติ และสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือจีนแผ่นดินใหญ่เข้ามาเป็นสมาชิกแทนเพียงเล็กน้อย 

ในทศวรรตที่ 1970 หลังจากที่เปิดตัวในญี่ปุ่น ชื่อเสียงของเติ้ง ลี่จวินก็เริ่มกระจายออกไปทั่วโลก ในช่วงนั้น เธอได้ออกผลงานเพลงภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีนกวางตุ้ง และภาษาอังกฤษ ควบคู่ไปกับภาษาจีนกลาง เธอโด่งดังอย่างรวดเร็วในมาเลเซียและอินโดนีเซีย ในไต้หวันเอง เติ้ง ลี่จวินไม่เพียงเป็นที่รู้จักในนาน "นักร้องอินเตอร์" เท่านั้น เธอยังเป็น "ขวัญใจทหารหาญ" อีกด้วย เนื่องจากเธอเปิดแสดงให้เหล่าทหารชมอยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้ เธอยังเป็นลูกสาวของครอบครัวทหารอีกด้วย ในการแสดงของเธอสำหรับกองทัพนั้น เธอได้ร้องเพลงพื้นเมืองภาษาไต้หวัน เพื่อให้เข้าถึงใจชาวไต้หวันเดิม และยังร้องเพลงภาษาจีนกลางยอดนิยม ที่ทำให้ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้ลี้ภัยจากสงครามกลางเมืองระหว่างพรรคก๊กมินตั๋งและพรรคคอมมิวนิสต์ จีน รู้สึกคิดถึงบ้านมากยิ่งขึ้น 

ในช่วงต้นของทศวรรษที่ 1980 ความตึงเครียดระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่และไต้หวันยังคงคุกรุ่น เหล่านักร้องจากทั้งไต้หวันและฮ่องกงถูกแบนในจีนแผ่นดินใหญ่ เนื่องจากถูกมองว่ามีความเป็นทุนนิยมเกินไป ถึงกระนั้น เติ้ง ลี่จวินก็ยังมีชื่อเสียงในหมู่ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ เนื่องจากชาวจีนส่วนหนึ่งนิยมหาเพลงจากตลาดมืด เพลงของเธอถูกเปิดทุกที่ ตั้งแต่สถานเริงรมณ์จนถึงสถานที่ราชการ จนทางการสั่งแบนเพลงของเธอในที่สุด ชาวจีนให้ฉายาเติ้ง ลี่จวินว่า "เติ้งน้อย" (小鄧, xiăo dèng) เนื่องจากเธอมีแซ่เดียวกับเติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนสมัยนั้น จนมีคำกล่าวว่า "เติ้ง เสี่ยวผิงครองเมืองจีนยามกลางวัน เติ้ง ลี่จวินครองเมืองจีนยามราตรี" 

ปลาย พ.ศ. 2524 เติ้ง ลี่จวิน หมดสัญญากับโพลิดอร์เรคคอร์ด จากนั้น เธอเซ็นสัญญากับธอรัสเรคคอร์ดใน พ.ศ. 2526 และประสบความสำเร็จในญี่ปุ่นอีกครั้ง ใน พ.ศ. 2527 เธอออกอัลบั้มที่ได้รับการยกย่องมากที่สุด ชื่อ "ต้าน ต้าน โยว ฉิง" (淡淡幽情, dàn dàn yōu qíng, Light Exquisite Feeling) เพลงในอัลบั้มนี้ เป็นเพลงที่แต่งจากบทกลอนสมัยราชวงศ์ถังและราชวงศ์ซ่ง 12 บท ประพันธ์ดนตรีโดยนักประพันธ์จากเพลงยอดนิยมของเธอเพลงก่อนๆ โดยใช้ดนตรีร่วมสมัยและมีกลิ่นอายของโลกตะวันออกและตะวันตกอยู่ร่วมกัน เพลงที่โด่งดังที่สุดจนบัดนี้นี้เพลง "ต้าน ย่วน เหยิน ฉาง จิ่ว" (但願人長久, dàn yuàn rén cháng jiŭ, Wishing We Last Forever) ช่วง พ.ศ. 2527 - 2532 เติ้ง ลี่จวิน ออกเพลงยอดนิยมมากมาย จนแฟนๆ ยกให้เป็น "ปีทองของเติ้ง ลี่จวิน" เติ้ง ลี่จวิน เป็นนักร้องคนแรกที่ได้รับรางวัลออลเจแปนเรคคอร์ดอวอด (All-Japan Record Awards) 4 ปีติดต่อกัน (พ.ศ. 2527 - 2531

ใน พ.ศ. 2532 เติ้ง ลี่จวิน ได้เปิดคอนเสิร์ตในกรุงปารีสของฝรั่งเศส ขณะนั้น เกิดเหตุการณ์การชุมนุมประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเห มินของนักศึกษาชาวจีนเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ในวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2532 เติ้ง ลี่จวิน ได้เปิดคอนเสิร์ตในนามของกลุ่มนักศึกษา เพื่อประกาศจุดยืนสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยของกลุ่มนักศึกษาในกรุงปักกิ่งของจีน คอนเสิร์ตดังกล่าวมีชื่อว่า "บทเพลงประชาธิปไตยเพื่อเมืองจีน" (民主歌聲獻中華, mín zhŭ gē shēng xiàn zhōng huá) จัดขึ้นที่สนามม้าแฮปปี้ วัลเลย์ ฮ่องกง มีผู้เข้าชมกว่าสามแสนคน เธอได้ประกาศจุดยืนว่า "บ้านของฉันอยู่คนละฝั่งกับภูผาใหญ่" อันตีความได้ว่า เธอจะต่อต้านพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั่นเอง 

แม้ว่า เติ้ง ลี่จวินจะได้เดินทางไปแสดงตามประเทศต่างๆทั่วโลกตลอดชีวิตการเป็นนักร้อง แต่เธอก็ไม่เคยไปแสดงในสาธารณรัฐประชาชนจีนเลย แต่เธอหวังมาโดยตลอด จนในที่สุด ในช่วงทศวรรษ 1990 พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เชิญเธอไปแสดงใน ประเทศจีน แต่ยังไม่ทันที่ความฝันของเธอจะเป็นจริง เติ้ง ลี่จวินก็มาเสียชีวิตเสียก่อน 
การ เสียชีวิตและการรำลึก 

ตั้งแต่เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เติ้ง ลี่จวิน ป่วยด้วยโรคหอบหืดเนื้อรังมา ตลอด จนในวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2538 เติ้ง ลี่จวิน เสียชีวิตอย่างกระทันหันด้วยโรคหอบหืดขั้นรุนแรง ขณะมาพักผ่อน ณ โรงแรมอิมพี เรียล แม่ปิง จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย ด้วยอายุ 42 ปี (43 ปีตามปฏิทินจีน) 

พิธีศพของเติ้ง ลี่จวิน ถูกจัดขึ้นแบบรัฐพิธี โลงศพขอเธอถูกคลุมด้วยธงชาติสาธารณรัฐจีน โดยอดีตประธานาธิบดีลีเต็งฮุย และประชาชนจำนวนหลายพันเข้าร่วมพิธีด้วยความอาลัยรัก 

ศพของเติ้ง ลี่จวิน ถูกฝันที่สุสานจินเป่าซาน อันเป็นสุสานติดภูเขาในเมืองจินซาน มณฑลไทเป ทางตอนเหนือของไต้หวัน ป้ายหลุมศพมีรูปปั้นของเติ้ง ลี่จวิน และคีย์บอร์ดเปียโนไฟฟ้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่พื้น เมื่อมีคนเหยียบที่แต่ละแป้น จะมีเสียงออกมาต่างกัน แม้ว่าชาวจีนจะเชื่อว่าควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในสุสานก็ตาม แต่สุสานของเธอมักมีแฟนเพลงจากทั่วโลกเข้ามาเคารพและรำลึกถึงเธออยู่เสมอ 

ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2545 ได้มีการเปิดตัวหุ่นขี้ผึ้งของ เติ้ง ลี่จวิน ที่พิพิธภัณฑ์ มาดามทุสโซส์ ฮ่องกง

ในวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ได้มีการจัดคอนเสิร์ต “15 ปี เติ้งลี่จวิน A Special Tribute” ขึ้นที่ศูนย์ประชุม แห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย โดยมีนักร้องชาวไทย 13 ขึ้นขับกล่อมบทเพลงของเติ้ง ลี่จวิน เพื่อเป็นการรำลึกการจากไปครบ 15 ปีของเธอ 
รางวัล จากญี่ปุ่น 

เติ้ง ลี่จวิน หลังจากได้ไปออกอัลบั้มภาษาญี่ปุ่นที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว เธอก็ประสบความสำเร็จ และได้รับรางวัลมากมาย ดังต่อไปนี้ 

รางวัลนักร้องดาวรุ่ง จาก เพลง "คูโค" (空港, Kuukou) หรือ สนามบิน เมื่อ พ.ศ. 2517
รางวัลเหรียญทอง จาก เพลง "โทะคิ โนะ นะงะเสะ นิ มิ โอะ มะคะเสะ" (時の流れに身をまかせ, Toki no nagare ni mi wo makase) หรือในฉบับภาษาจีนกลาง ชื่อเพลง "หว่อ จื่อ ไจ้ ฮู หนี่" (我只在乎你, Wŏ zhĭ zài hu nĭ, I Only Care about you) เมื่อ พ.ศ. 2526
รางวัลกรังด์ปรีซ์ 3 ปีซ้อน โดยก่อนหน้าเธอ ยังไม่มีนักร้องคนใดทำได้มาก่อน จากเพลง 
เพลง “ทสึกุไน” (つぐない, Tsugunai) เมื่อ พ.ศ. 2527
เพลง “ไอจิน” (愛人, Aijin) เมื่อ พ.ศ. 2528
เพลง "โทะคิ โนะ นะงะเสะ นิ มิ โอะ มะคะเสะ" (時の流れに身をまかせ, Toki no nagare ni mi wo makase) เมื่อ พ.ศ. 2529
รางวัลดาวเด่น จาก เพลง “วาคะเระ โนะ โยะคัง” (別れの予感, Wakare no Yokan) เมื่อ พ.ศ. 2530
รางวัลเคเบิ้ลเรดิโอมิวสิคอวอร์ด จาก เพลง “วาคะเระ โนะ โยะคัง” (別れの予感, Wakare no Yokan) เมื่อ พ.ศ. 2530 และ พ.ศ. 2531
รางวัลเคเบิ้ลเรดิโอมิวสิคเมอริตอวอร์ด (รางวัลเกียรติยศ) เมื่อ พ.ศ. 2538 สำหรับการชนะรางวัลกรังด์ปรีซ์ 3 ปีซ้อน ถือเป็นรางวัลสุดท้ายก่อนที่เธอจะเสียชีวิต



ดาวใจ ไพจิตร เกิดเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2497 ปีมะเมีย ที่จังหวัด กรุงเทพฯ (ร.พ.ญ) จบชั้นประถม ศึกษา ที่โรงเรียนวรรณวิทย์ จบมัธยมศึกษาที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนสตรีนนท์  จ.นนทบุรี 

เพลงแรกที่บันทึกแผ่นเสียง คือ เพลงสิ้นหล้า และ เพลงไม่อยากอยู่ เป็นผลงานเพลงของ คุณครูศรีสวัสดิ์ พิจิตรวรการ  ผลงานเพลงที่สร้างชื่อเสียงให้คือ เพลงอย่ามารักฉันเลย ผลงานเพลง คุณวินัย รุ่งอนันต์ เมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2518 ได้รับรางวัลเกียรติยศเพลงยอดนิยมยอดเยี่ยม ส.ส.ส.ประจำปี พ.ศ. 2518 

เพลงหยาดน้ำฝนหยดน้ำตา ได้รับรางวัลพระราชทานเพลงเกียรตินิยม ส.ส.ส.ประเภทนักร้อง ประจำปี พ.ศ. 2521 ผลงานเพลง คุณเนรัญชรา เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2521 

เพลงน้ำตาดารา ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทาน ประจำปี พ.ศ. 2522 จากพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเพลงนี้ได้รับพระราชทานถึง 3 รางวัล คือ ผู้ขับร้อง ดาวใจ ไพจิตร ผู้แต่งคือ อดีตสามี ท่านหัวหน้าศาลปรีดี สุจริตกุล และผู้เรียบเรียงเสียงประสานคือ คุณเสกสรร สอนอิ่มสาตร์ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2523 

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2534 ได้รับพระราชทาน ใบประกาศเกียรติคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา โดยมหาวิทยาลัยมหิดล ได้ประกาศเกียรติคุณให้ คุณดาวใจ ไพจิตร เป็นนักร้องผู้ขับร้องเพลงโดยใช้ภาษาไทยที่ถูกต้องและชัดเจนที่สุด 

เพลงที่แพร่หลายเป็นที่รู้จัก เช่น เพลงเตือนการณ์รัก เพลงเพียงคำนั้น เพลงยิ่งกว่ามาตกร เพลงรักนี้สีดำ เพลงหัวใจชา เพลงฉันทนไม่ได้ เพลงอย่ามารักฉันเลย เพลงน้ำตาดารา เพลงส่วนแบ่งที่ไม่เป็นธรรม เพลงคืนทรมาน เพลงทำไมถึงทำกับฉันได้ 

อ้างอิงจาก wikipedia 




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น