อยู่นี่แล้ว


วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

spirited away- Itsumo Nando Demo (always with me) - อยู่กับฉัน ตลอดไป แปลโดย เอมิลี่






 A voice calls softly
It calls from within
To trust my steps
And to keep on dreaming

Around night falls and all turns to gray
But I hold a light to light my way

The sky is clear blue
No matter what we do
The road is long
But I see the light
That shines at the end
The arms reaching in
I know that you are waiting for me

Though sorrows, troubles
May gather up high
Broken glass pieces
Fall from the sky
Memories though sad
Will hold something true
Shattered glass pieces
Reflect something new

la la la...
doo doo doo...
da da da...

A voice calls softly
It calls from within
To trust my steps
And to keep on dreaming

Around night falls and all turns to gray
But I hold a light deep in my heart
I knew you were waiting right from the start

la la la...
doo doo doo...

-----------------------------------------------------

เสียงแผ่วๆ จากก้นบึ้งดวงจิตฉัน
ใช่เพียงฝัน เพียงลม สมสร้างสรรค์
หยาดน้ำตาหลั่งมานับร้อยพัน
กับความฝัน อันสลาย ไปจากใจ
เมื่อพลาดล้ม ตายังคงจ้องมองฟ้า
      มองฟ้าจ้า สดหมดใจไร้หม่นหมอง
หาใครเดิน ร่วมเคียงสอง ครองครรลอง
มือประคอง กอดอุ่น ซบละมุน

หยุดตรงนี้ฤทัย ล่วงลาโศก
เงียบอับอก อุ่นใจคลายเศร้าหาย
อันชีวิตสุขจริงมิพ้นตาย
เหล่าดอกไม้ สายลม ร่วมเต้นรำ

ยังหนึ่งเสียงเร้าก้อง ร้องอยู่ลึก
ฝันไม่สึก กร่อนไป จงอย่าหาย
เศร้าโศกไปยังแต่ลำบากกาย
มาเถอะคลาย เคล้าเศร้าเร้าเสียงเพลง

เสียงกระซิบ รำพัน ครั่นตรึงจิต
เตือนความคิดฝันหวาน สู่ความฝัน
ธรรมชาติซ่านพิตร จิตวิญญาณ

ข้ามสะพาน ทางสว่าง สู่อรุณ
สติมุ่ง สู่วันใหม่ กระจ่างใจ

ไม่มีใดไหนอื่นอันรอบข้าง
บาทสตางค์ บุกสมุทร ค้นไพรสณฑ์
แสงหวังจ้า สอดผ่านจิตใจมนต์

สุขแท้ตนอยู่ในใจ ใช่อื่นใด ฯ



Always with Me

Somewhere, a voice calls, in the depths of my heart
May I always be dreaming, the dreams that move my heart

So many tears of sadness, uncountable through and through
I know on the other side of them I'll find you

Everytime we fall down to the ground we look up to the blue sky above
We wake to it's blueness, as for the first time

Though the road is long and lonely and the end far away, out of sight
I can with these two arms embrace the light

As I bid farewell my heart stops, in tenderness I feel
My silent empty body begins to listen to what is real

The wonder of living, the wonder of dying
The wind, town, and flowers, we all dance one unity

Somewhere a voice calls in the depths of my heart
keep dreaming your dreams, don't ever let them part

Why speak of all your sadness or of life's painfull woes
Instead let the same lips sing a gentle song for you

The whispering voice, we never want to forget,
in each passing memory always there to guide you

When a miror has been broken, shattered pieces scattered on the ground
Glimpses of new life, reflected all around

Window of beginning, stillness, new light of the dawn
Let my silent, empty body be filled and reborn

No need to search outside, nor sail across the sea
Cause here shining inside me, it's right here inside me

I've found a brightness, it's always with me


วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Honey Moon - Honey Moon Rag - JAMES SCOTT ¤ Ragtime Piano Legend ¤


 โอ้ยอดจวิน ยินดียิ่ง สุขปลาบปิ้น ดิ้นดอยชะมอยศรี
อักสุรา ลาบเป็ด กินรี กรณี ปลี้ - ปล่า บาร์ นม ยาน
สุดสลี้ ศรีสลัก ปักจิตโข โฟซีซั่น หมั่นโถว โชว์เนื้อหนัง
อุตโถ่แม่ ละครโชว์ มาม่าซัง นั่นก็ยังมิจบ เบิ๊ดเม่าแล

เปิ้นจะไปตางใดไผซิบอก พายเรือยอก เรือยาง หนีจะเข้
สุข ฤๅ ไหน สุขบ้านเรา ปล้นคนดี มีแต่ผีดีใจ ได้เพื่อนเร็ว
โอ้ว...เมื่อนั้นหนุมาร ชาญสมร จะทะยอน ยานหัดปัดวิถี
M79 นั้นก็มากฤทธี ระเบิดทีขาห้อยกระจายกระจุย
หรือจะเล่นของเข้าตา กา น้ำ แต๊ด น้ำทะแล๊ต ออกพรั่งยังเอาไหว 
ส่วนสีดา นับดอลล่าสุขวิไลย หมื่นอสงไขยจะรวย ไม่รู้ตัว

ฉุยฉายเอย เซเลอร์มูน ชาญสมร แปลงร่างจร เหลือแต่ทรง บิกินนี่
ข้าแต่องค์ อำนาจ จันทรามณี บิกินนี่สีชมพูเสือกดูเอง
เมื่อนั้นเหล่าศตรูมาบุกโลก  กินขันโตก เซ่นเหล้า หมีแพนด้า
ข้าขอแด่อำนาจแห่งมนตรา เซ่นแพนด้า แปลงร่างโดยพลัน

แม่ศรีเอย แม่ศรีคอมมิวนิีสต์ เยื้องย่างเจ้ากรีดกราย 
ละเมียดคล้ายเทพีสันติภาพ 
แฝงความจ๊าบ งูเก็งกอง มองสดศรี
ไอ้ยะ เล่นฟุตบอลก็ดูดี เตะเข้าทีเข้าเป้า เจ้าชินจัง

โอ้หละหนอเทพีศรีมิวนิสต์ แต้วจริต ผกากรอง มองพิศหวา
ส่วนด้านนั้นเบญกายแปลงกายมา เห็นสันติ ภาพเกิด เหิดในใจ

เชิดจีน 




บ้าน วัด วัง - ปรากฏการณ์ อุปถัมภ์วัฒนธรรมดนตรีไทย และดนตรีประชัน

เนื้อหาแนวความคิดของบทความนี้ส่วนใหญ่มาจากแนวคิดของ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์พูนพิศ อมาตยกุล เรื่องของ บ้านดนตรี (บ้านนักดนตรี) วัด (เวทีของนักดนตรี และพีธีกรรมที่เชื่อมต่อระหว่างบ้านและวัง) วัง (แหล่งสนับสนุนนักดนตรี เจ้านายที่ชื่นชอบดนตรีมักแสวงหานักดนตรีมือฉกาจประจำวงของวังตน)

ความสัมพันธ์ระหว่าง บ้าน วัด วัง คือดุลยอำนาจของสังคม ที่สถาบันกษัตริย์ใช้ดนตรีในการประชาสัมพันธ์ สรรเสริญพระเกียรติยศ ในพิธีกรรม สร้างความศักดิ์สิทธิ์ ขณะอีกด้านสถาบันสงฆ์ก็เจือปนด้วยบรรดาศักดิ์แห่งวรรณะ ดนตรีจึงถูกนำมาใช้ในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ โดยรับความคิดมาจากพราหมณ์ สถาปนาเทพเจ้าต่างๆ ให้อยู่ภายใต้พุทธอำนาจ ในขณะที่สถาบันกษัริย์ยังเหนียวแน่นในความเชื่อการอวตารของพระราม หรือพระนาราย ฉะนั้นดนตรีไทยจึงรับใช้สองความเชื่อทั้งพุทธ และพราหมณ์ ในสองสถาบันอย่างเหยี่ยวแน่น โดยสองสถาบันนี้เชื่อมต่อกันด้วยความเป็น "ธรรมราชา" คือกษัตริย์ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์พระศาสนา 

พอมองออกมานอกรั้ววัง ชาวบ้านก็มักมีความฝัน วาสนา อยากเป็นอยู่ใช่น้อย การดนตรีในวัง จึงถูกสื่อออกมาเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของกษัตริย์ เจ้านาย หรือเสมือนดนตรีเจ้านาย เล่นเรื่องของเจ้านาย เกิดเป็นละครน้ำเน่ายุคแรกๆ ที่ตัวนางเอก พระเอก ตกระกำลำบาก ถูกตราหน้าในฐานะต่ำต้อย จนกระทั่งโชคดีที่ทราบว่าตนเป็นลูกกษัตริย์ หรือได้อภิเษก แต่ก็ต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ นาๆ 

นี่คือความฝันของชาวบ้าน ความฝันเล็กๆ ที่ช่วยเติมเต็มความหรรษาในชีวิตด้วยตัวตลก มุขหยาบโลน แต่ละครบ้าน เช่นละครนอก ก็ยกย่องสรรเสริฐ บูชาในสถาบันกษัตริย์มิเสื่อมคลาย เปรียบเสมือนพุทธอำนาจความศักดิ์สิทธิ์ของพระสงฆ์ที่ควรเคารพบูชาอย่างนั้น มิผิดเพี้ยน ดนตรี จึงถือเป็นเครื่องเติมแต่งพิธีกรรม หรือเฟอร์นิเจอร์ของผู้มีอันจะกิน เสมือนไอพอต ไอโฟน ของผู้คนสมัยทุนนิยมพัฒนาปัจจุบัน 

ฉะนั้นกฏกติกาสังคมสมัยก่อน ถึงรัชกาลที่ ๕ มีประเด็นสำคัญอยู่ที่ ยังมิได้มีการเลิกทาส ส่งผลให้ชายทุกคนต้องมีเจ้านาย มีสังกัด ที่อยู่ และที่ทางของตน นักดนตรีด้วยก็เช่นกัน ควรได้รับการอุปถัมภ์จากเจ้านาย เพราะไม่อย่างนั้นก็อยู่ไม่ได้ หรือต้องได้รับการชุบเลี้ยง ดูแลมาจากวัด เพราะเหล่านักดนตรีเหล่านี้ตางเติบโตมาพร้อมกับพระพุทธศาสนา ไม่ทางตรง ก็ทางอ้อม

ทั้งนี้ผู้เขียนใคร่ขอเสนอถึงความเกี่ยวเนื่องของดนตรีโดย "การประชัน" ในความเกี่ยวเนื่องของทั้ง ๓ สถาบัน คือ บ้าน วัด วัง และอีกหนึ่งคือสถาบันการศึกษาที่เข้ามามีบทบาทอย่างมากในยุคหลัง หากผิดพลาดประการใด ผู้เขียนขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วย และรบกวนท่านผู้รู้กรุณาชี้แจง สั่งสอน ได้อย่างเต็มใจ



                ลำดับเหตุการณ์ วิวัฒนาการ การประชัน ประกวด และประลองดนตรี ในกรุงรัตนโกสินทร์ จากอดีตจนมาถึงปัจจุบัน 

พ.ศ.๒๔๒๖

มโหรีประชันถวายหน้าพระที่นั่ง วันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๔๒๖ ในงานโสกันตร์พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าอรพินทุ์เพ็ญภาค ที่พระที่นั่งจักรี และต้อนรับ ดยุ้คออฟแมคมูคเลนเบอร์ก พระราชอาคันตุกะ มโหรีประชันหน้าพระที่นั่ง ๔ วง 

๑.วงหลวง (กองพิณพาทย์มหาดเล็ก)มีพระยาเสนาะดุริยางค์(ขุนเณร) และพระสำอางค์ดนตรี (ภักดิ์ อังศุวาทิน) และนาย แช่ม สุนทรวาทิน ปรากฏอยู่ด้วย

๒.วงสมเด็จฯกรมพระยาสุดารัตนราชประยูร(ทูลกระหม่อมแก้ว, ทูลกระหม่อมปราสาท) วงหญิง ล้วน ควบคุมวงโดย ครูถึก ดุริยางกูร บุตรครูมีแขก

๓.วงกรมหมื่นราชศักดิ์สโมสร พระองค์เจ้ากมลาศเลอสรรค์ พระราชโอรสรัชกาลที่ ๔

๔.วงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์ (วงหญิงล้วน) มีหม่อมสุ่น สีซอสามสาย


พ.ศ.๒๔๔๒

ประชันปี่พาทย์หน้าพระที่นั่งที่ทุ่งเขางู เมืองราชบุรี ตุลาคม ๒๔๔๒ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุพันธ์วงศ์วรเดชทรงเป็นแม่กองบัญชาการ รับสด็จรัชกาลที่๕ ประชันวงปี่พาทย์วังบูรพาฯ(เครื่องใหญ่ คนหนุ่ม) กับวงปี่พาทย์ชาวบ้าน(ชาวเมืองสมุทรสงคราม เครื่องคู่คนแก่) งานนี้คนหนุ่มสู้คนแก่ไม่ได้ สมเด็จวังบูรพาฯ ขอตัวจางวางศร 


พ.ศ.๒๔๔๙

ประชันปี่พาทย์ในงานขึ้นตำหนักใหม่ วังบางขุนพรหม ของ ทูลกระหม่อมบริพัตร เมื่อ ๒๘ ธันวาคม ๒๔๔๙ มีประโคมพิณพาทย์มโหรีเครื่องใหญ่ ๑ พิณพาทย์เครื่องใหญ่ ๑๕ วง พิณพาทย์เครื่องคู่ ๑ เครื่องสาย ๓ พิณพาทย์รามัญเครื่องใหญ่ ๒ เครื่องสายรามัญ ๑ รวม ๒๓ วง โดยมีการเกณฑ์ขอแรงจากเจ้านายวังต่างๆ  ในปีเดียวกัน ก็มีการประชันปี่พาทย์ในงานวันประสูติสมเด็จฯ วังบูรพาฯ วันที่ ๑๑, ๑๒, ๑๓ มกราคม ๒๔๔๙ วันที่ ๑๒ มีประชันปี่พาทย์รุ่นใหญ่ วันที่ ๑๓ มีประชันปี่พาทย์รุ่นแก่ 


พ.ศ.๒๔๕๑

ปี่พาทย์ประชันวงที่วังท่าเตียน ในงานทำบุญขึ้นตำหนักของ พระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม มีการประชันปี่พาทย์ ๓ วง คือ

๑.วงวังบูรพา จางวางศร(หลวงประดิษฐไพเราะ) เป็นผู้ตีระนาดเอก

๒.วงสมเด็จพระบรม นายโสม(พระเพลงไพเราะ) เป็นผู้ตีระนาดเอก

๓.วงพระองค์เพ็ญ นายขลิบ ชำนิราชกิจ เป็นผู้ตีระนาดเอก

เล่ากันว่า ในรอบของเพลงเสภาหรือเพลงเถา กำหนดให้ต้องบรรเลงรับร้องต่อท่อนกันทั้ง ๓ วง วังบูรพาฯเป็นวงแรก จางวางศร ( ศิลปบรรเลง) ตีเร็ว ไหวมาก นายขลิบ วงพระองค์เพ็ญรับไม่ทัน ดีที่นายโสม (วงหลวงของสมเด็จพระบรมฯ ต่อมาคือรัชกาลที่ ๖) มาช่วยไว้ได้ทัน จึงต่อได้ทัน ไม่เสียหน้า ในครั้งนั้น 


พ.ศ.๒๔๖๖

ประชันปี่พาทย์ครั้งใหญ่ ณ วังบางขุนพรหม ๙ มกราคม ๒๔๖๖ ในงานฉลองพระอัฐฺสมเด็จฯ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีนัตนโกสินทร์ มีประชันกันทั้งหมด ๓ วง

๑.วงบางขุนพรหม (จางวางทั่ว พาทยโกศล)

๒.วงวังบูรพา (จางวงศร ศิลปบรรเลง)

๓.วงของวังหลวง (หลวงเสนาะดุริยางค์ แช่ม สุนทรวาทิน)

เพลงที่บรรเลงมีโหมโรงต่างเพลง (ตามถนัด) ต่อด้วยเพลง พม่าห้าท่อน สี่บท บุหลัน ทยอยนอก จนถึงเดี่ยวกราวใน ปิดท้ายด้วยพระอาทิตย์ชิงดวง  การประชันครั้งนี้ มีเงินรางวัล ๑๒๐ ๑๐๐ และ ๘๐ บาท ตามลำดับ (ดูรายละเอียดในหนังสือทูลกระหม่อมบริพัตรกับการดนตรี)


พ.ศ.๒๔๗๓

ประชันปี่พาทย์ที่วังลดาวัลย์ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๗๓ ในงานฉลองพระชันษาครบ ๔ รอบสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ เป็นการประชันระหว่าง

๑.วงพาทยโกศล (จางวางทั่ว)

๒.วงบางคอแหลม (หลวงประดิษฐไพเราะ)

กำหนดเพลงคือ โหมโรงไม่จำกัดเพลง พม่าห้าท่อนเถา บุหลันเถา ทะแยเดี่ยวรอบวง แขกลพบุรี ๓ ชั้น อาเฮียเดี่ยว ๓ ชั้น รอบวง ทยอยในเถา กราวในเดี่ยวต่อกันทุกเครื่องทุกวง และอาทิตย์ชิงดวงเป็นเพลงลา  กำหนดให้ปรับเพลงบุหลัน และทำทางเปลี่ยนตามถนัด ผลที่ติดตามมาถึงทุกวันนี้คือเพลงบุหลันอัตรา ๒ ชั้น ที่จางวางทั่ว ทำทางเปลี่ยนเป็นสำเนียงเขมร ต่อมาได้ชื่อว่า “เขมรชมจันทร์” เป็นเพลงแตรวงเป่านำหน้ากระบวนแห่ที่นิยมมากมาจนบัดนี้ 


พ.ศ.๒๔๗๕

ประกวดปี่พาทย์ ๒ ฝั่งแม่น้ำในโอกาสงานฉลองเปิดสะพานพุระพุทธยอดฟ้า โดยทางการแบ่งกลุ่ม ออกเป็น ๒ กลุ่มคือ ฝั่งพระนคร และฝั่งธนบุรี วงบางกะปิของนายชาญ ภักตร์ผ่อง (ฝั่งพระนคร) โดยมีครูสาลี่ มาลัยมาลย์เป็นผู้ควบคุมวง ไม่มีรายละเอียดเพลงที่บรรเลง 


พ.ศ.๒๔๘๔

ประชันปี่พาทย์ที่บ้านบาตร ๓ สิงหาคม ในงานทำบุญวันเกิดครบ ๕ รอบ ครูหลวง ประดิษฐไพเราะที่บ้านบาตร มีการประชัน ๒ คืน คืนแรกมีนักดนตรีครูผู้ใหญ่ประชัน ๓ วง

๑.วงของหลวงชาญเชิงระนาด (เงิน ผลารักษ์)

๒.วงครูลาภ ณ บรรเลง

๓.วงครูพุ่ม โตสง่า (พุ่มใหญ่ แห่งวัดบวรนิเวศน์ บางลำพู) ไม่มีรายละเอียด


คืนวันหลังมีประชัน ๒ วง เป็นวงรุ่นลูกศิษย์ ๒ รุ่น คือ

๑. ศิษย์รุ่นใหญ่ได้แก่ ครูเผือด นักระนาด เป็นผู้ตีระนาดเอก

๒. ศิษย์รุ่นเล็กได้แก่ นายประสิทธิ์ ถาวร เป็นผู้ ตีระนาดเอก 


พ.ศ.๒๔๙๒

ประกวดขับร้องเพลงไทย โดยสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย ( กรมโฆษณาการ) เพลง นกขมิ้น 3 ชั้น ลมพัดชายเขาเถา บุหลันเถา และ แขกมอญ 3 ชั้น ผู้ชนะการประกวดฝ่ายหญิง คือ นางสาวเจริญใจ สุนทรวาทิน นางสาวทัศนีย์ ดุริยประณีต และนางสาวสุดจิตต์ ดุริยประณีต ตามลำดับ ฝ่ายชายมีนายเชื้อ นักร้อง กับ ปลัดฟ้อย ทองอิ่ม ผู้ชนะที่ ๑ ทั้งสองท่าน ได้บันทึกแผ่นเสียง กับห้างกมล ศุโกศล ในปีต่อมา 


พ.ศ.๒๔๙๔

ประกวดขับร้องเพลงไทย ระดับนักเรียน ประถมและมัธยมศึกษา ในงานศิลปะหัถกรรม เดือนธันวาคม ของกระทรวงศึกษาธิการ ประทุกปี ผู้ชนะเลิศฝ่ายหญิงมาอาทิ สุรางค์ ดุริยพันธ์ และ และ ฝ่ายชาย คือนฤพนธ์ ดุริยพันธุ์ เป็นต้น 


พ.ศ.๒๕๐๖

การประกวดขับร้องเพลงไทย โดยสถานีวิทยุ ว.ป.ถ. (ตั้งอยู่ที่เชิงสะพานพุทธยอดฟ้า ฝั่งธนบุรี) ผู้ชนะเลิศฝ่ายหญิง คือ นางสาวประชิตร มะกล่ำทอง (ต่อมาใช้นามสกุล ขำประเสริฐ) ฝ่ายชายคินายอภัย คล้ายสีทอง (ต่มาใช้นามว่า แจ้งว คล้ายสีทอง (ศิลปินแห่งชาติ)


พ.ศ. ๒๕๑๓

ที่วัดพระพิเรนทร์ กรุงเทพฯ มีพิธีไหว้ครูนาฎศิลป์ (ลิเกและละคร) ต่มมาตอนค่ำ มีการบรรเลงในลักษณะแสดงฝีมือและความสามารถ ไม่ได้เป็นการประชันหรือการประกวด ในปีต่อ ๆ มา จึงมีการประชันกันอย่างจริงจัง วงที่เคยเข้าประชันเช่น วงครูสมภพ ขำประเสริฐ วงดุริยประณีต วงศิษย์ครูโม ญาติพระประณีตวรศัพท์ (ระนาดเอกชื่อนายทะนง แจ่มวิมล) วงของกรุงเทพมหานคร (เทศบาล) ควบคุมโดยครูพินิจ ฉายสุวรรณ เป็นต้น


พ.ศ.๒๕๒๒

ปี่พาทย์ประชัน ในรายการดนตรีไทยพรรณนา บรรเลงเพลงปี่พาทย์ไม้แข็งประชันวงระหว่าง โรงละครแห่งชาติ ครู เสรี หวังในธรรมจัด (ต้นปี)

๑. วงบ้านใหม่หางกระเบน อยุธยา (นายสังเวียน เกิดผล ควบคุมวง) มาลี เกิดผล ร้อง

๒. วงครูรวม พรหมบุรี (ครูรวม หัวหน้าวง) ทองม้วน เพิ่มสิน และ วิมล เผยเผ่าเย็น  ร้อง

เพลงที่กำหนดได้แก่ เพลงโหมโรง, เพลง(ตามถนัด), เขมรราชบุรีเถา หรือทยอยเขมรเถา(จับฉลากเอา), เดี่ยวเครื่องมือด้วยเพลง พญาโศก, เพลงแต่งใหม่กับเพลงเก่า  ถึงเดือนเมษายน ปีเดียวกันนี้ อาจารย์ภาวาส บุนนาค ขอให้ครูรวม ยกวงไปบรรเลงขับร้องถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพรัตน์ฯ ที่พระตำหนักเปี่ยมสุข หัวหิน นักร้องคู่เดิม ทองม้วน ร้องเพลงแขกมอญเถา

ครูเทียบ คงลายทอง นำปี่ในที่สร้างขึ้นใหม่ ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วงครูรวมได้พบกับวงเสริมมิตร ทั้งสองวงได้บรรเลงหน้าพระที่นั่ง จึงบรรเลงสลับเพลงกัน เป็นเชิง “ประฝีมือ” ไม้ได้ประชันกันอย่างแท้จริง

วง เสริมมิตร (นายประสงค์ พิณพาทย์ ระนาดเอก ครูเฉลิม บังทั่ง ระนาดทุ้ม) นักร้องมีสุรางค์ ดุริยพันธุ์ และ สำเนียง ฟักภู่ เพลงที่วงนี้บรรเลง คือทยอยเขมรเถา ฯลฯ ในปีเดียวกันนี้ ก็มีดนตรีไทยพรรณนา จัดปี่พาทย์ประชัน ณ โรงละครแห่งชาติ ระหว่าง

๑.วงนายสุพจน์ โตสง่า กรุงเทพฯ (วงกรุงเทพนฤมิต) บรรเลงเพลงโหมโรงแขกมอญ, ทยอยในเถา (ขับร้องโดยสุรางค์ ดุริยพันธุ์) , เดี่ยวสารถี

๒.วงนายประเสริฐ สดแสงจันทร์ สุพรรณบุรี (วงทศทิศนฤนารถ) โหมโรงคลื่นกระทบฝั่ง, เดี่ยว แขกมอญฯลฯ (ขับร้องโดยกัญญา โรหิตาจล) 


พ.ศ.๒๕๒๓

ปี่พาทย์ประชันวง ชุด “เสือ สิงห์ กระทิง แรด” ๑๘ ตุลาคม จัดในรายการดนตรีไทย พรรณนา ครั้งที่ ๑๑ ณ โรงละครแห่งชาติ มีวงดนตรีร่วมประชัน ๔ วงได้แก่

๑.วงสุพจน์ โตสง่า กรุงเทพฯ

๒.วงสุรเดช กิ่มเปี่ยม นนทบุรี

๓.วงพัฒน์ บัวทั่ง นนทบุรี

๔.วงเมธา อยู่เย็น ปทุมธานี

โดยจับฉลากเลือกเพลงบรรเลงก่อนหลัง รอบที่๑ เพลงโหมโรง ได้แก่ เพลงมหาชัย, เพลงไอยเรศ, เพลงครอบจักรวาล ๓ ชั้น ออกเพลงม้าย่อง และเพลงประสานเนรมิตร ออกเพลงขยะแขยง รอยที่ ๒ บรรเลงเพลงเถา เพลงใดเพลงหนึ่ง ในนี้ได้แก่ เพลงบุหลันเถา, เพลงสี่บทเถา, เพลงเทพรัญจวนเถา, เพลงเฉลิมพิมานเถา รอบที่ ๓ บรรเลงเพลงแขกมอญเถา ๓ ชั้นทุกเครื่องมือ (จับฉลาก) รอบที่ ๔ บรรเลงเพลงลา(ปลาทองเถา) มีเดี่ยวชั้นเดียว ต้องบรรเลงทั้ง ๔ วง 


พ.ศ.๒๕๒๓

ประกวดการขับร้องเพลงไทยฆ้องทองคำครั้งที่ ๑ โดยมีบุญเสริม ถาวรกุลเป็นผู้ให้การสนับสนุนค่าใช้จ่ายและดำเนินการรายสำคัญ มีอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ (นายกำจัด กีพานิช) อธิบดีกรมศิลปากร นาย(เดโช สวนานนท์) พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร นายจำนง รังสิกุล และ พันตำรวจเอกพจน์ บุณยะจินดา ฯลฯ เป็น หัวหน้าดำเนินการ อาจารย์มนตรี ตราโมท เป็นประธานกรรมการตันสิน พร้อมด้วยกรรมการอีกกว่า 10 ท่าน แบ่งผู้ประกวดเป็นรุ่นเล็ก (อายุ 13-25ปี) ร้องเพลงแขกสาหร่าย ๒ ชั้น หกบท ๒ ชั้น รอบชนะเลิศ ร้องแขกลพบุรี ๓ ชั้น กับรุ่นใหญ่ (อายุ 26-45 ปี) รอบแรกร้องนกขมิ้น ๓ ชั้น สารถี เถา รอบชนะเลิศ ร้อง เขกมอญ ๓ ชั้น 

รุ่นเล็กฝ่ายชาย ได้รับรางวัลตามลำดับคือ นานฐานันดร์ กัมพลพันธ์ ที่ ๑ ตามด้วย นายมณเฑียร แสง โชติ และ ด.ช.ดนัย น้อยชื่น ฝ่ายหญิงที่ ๑ ได้แก่ นางสาวสาทิพย์ น้อยศิริ ตามมาด้วยน.ส. สุกัญญา ทัพพร และ น.ส.อุดมทรัพย์ เสณีย์พงศ์ รุ่นใหญ่ที่ ๑ ได้แก่ นางสาวยมโดย เพ็งพงศา ตามมาด้วยนางบุหงา นาคพลั้ง และ น.ส.พจนีย์รุ่งเรือง ฝ่ายชายที่ ๑ ได้แก่ นายสมบัติ สังเวียนทอง ตามมาด้วย นายณรงค์ แก้วอ่อน (รวมบรรเลง) และ นายสมศักดิ์ อ่อนจาก ตามลำดับ 


พ.ศ.๒๕๒๓

ประกวดดนตรีไทยเพื่อความมั่นคงของชาติ จัดโดยมูลนิธิหลวงประดิษฐไพเราะ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงของภายใน(กอ.รมน.) ชิงถ้วยพระราชทานามเด็จพระเทพรัตนฯ โดยมุ่งเสริมเยาวชนไทยตั้งแต่ระดับอนุบาล ถึงระดับอุดมศึกษา


พ.ศ.๒๕๒๗

ปี่พาทย์ประชัน วงดุริยประณีต กับวงประคองศิลป์ ๖ เมษายน จัดในรายการดนตรีไทยพรรณนา ครั้งที่ ๑๒ ณ โรงละครแห่งชาติ มีวงดนตรีปี่พาทย์ไม้แข็ง ร่วมประชัน ๒ วงได้แก่

๑.วงดุริยประณีต กรุงเทพฯ (นางสุตจิตต์ ดุริยประณีต ควบคุม, ทัศนัย พิณพาทย์ ระนาด เอก)

๒.วงประคองศิลป์ สุพรรณบุรี (นายประคอง วิสุทธิวงศ์ ควบคุม, สมนึก ศรประพันธ์ ระนาดเอก)

เพลงที่บรรเลงได้แก่ โหมโรงแขกมอญ ๓ ชั้น ไม่มีเดี่ยวท้ายเพลง, บรรเลงเพลงเลือก หน้าทับปรบไก่ไม่จำกัดจังหวะออกภาษา, เพลงเขมรราชบุรี วงที่ได้ท่อนคู่ลงลูกหมดเสมอ, เดี่ยวกราวใน ๓ ชั้นต่อเครื่องมือ, เพลงลาด้วยแขกลพบุรีเถาวงใดบรรเลงท่อนสุดท้ายออกลูกหมด  ในปีเดียวกันนี้ก็มีประชันปี่พาทย์ที่วัดหนัง ในงานไหว้ครูชมรมศิลปินฝั่งธนบุรี ๑๐ พฤษภาคม คู่แรก

๑.วงวัดเขมาภิรตาราม (นายสุพัตร แย้มทัพ ควบคุมวง, ด.ช.ไกรสันต์ แย้มทัพ ระนาดเอก) ๒.วงส่งเสริมสังคีต (สุชาติ ดนตรี ควบคุมวง, ด.ช.สายชล พุทธฤทธิ์)

เพลงที่ประชันได้แก่ โหมโรงกัลยาณมิตรออกเดี่ยวเชิดใน, พม่าเห่, สี่บท, บุหลัน, แขกมอญ, ทยอยใน, บังใบ, เดี่ยวพญาโศก, เดี่ยวการเวกคู่หลังที่ขึ้นประชันวง

๑.วงพ.นักระนาด (วีนัส แก้วกนก ควบคุม, ดนัย มุ่งเยียวยา ระนาดเอก)

๒.สามัคคีดนตรีไทย (บุญเลิศ ปิ่นช้าง ควบคุม, ประสิทธิ์ สิทธิชัย ระนาดเอก)

เพลงที่ประชัน ตับพรหมาสตร์ออกตัวรำ(ควบคุมฝ่านนาฏศิลป์ โดยสมยศ เปี่ยวลาภ), โหมโรงสามสถาบัน, โหมโรงมหาชัย, ใบ้คลั่ง, เขมรใหญ่, โอ้ลาว, ทยอยเขมร, เขมรราชบุรี


พ.ศ.๒๕๒๘

เดือนตุลาคมปีนี้ มหาวิทยาลัยมหิดลจัดประกอดดนตรีไทยฆ้องทองคำ ครั้งที่ ๒ โดยมีคุณบุญเสริม ถาวรกุลเป็นผู้ให้การสนับสนุนรายใหญ่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานรางวัล ในวันที่ ๒๓ ตุลาคม  ผู้ได้รับพระราชทานรางวัลได้แก่

ขับร้องฝ่ายหญิง บรรจง สุขสวัสดิ์ บ้านดุริยประณีต

ขับร้องฝ่ายชาย นายชัยภพ ทัพวาทิน กรมประชาสัมพันธ์

จะเข้ นายดุษฏี สว่างวิบูลย์พงษ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ซอด้วง นายธีระ ภู่มณี ขลุ่ย นายรังษี เกษมสุข

ระนาดเอก ไม่มีผู้ได้รางวัลชนะเลิศ

เสร็จพระราทานรางวัลแล้วเสวยพระกระยาหารค่ำพร้อมประทับทอดพระเนตรการประชันปี่พาทย์ ครั้งใหญ่

๑.วงดนตรีบ้านบางกะปิ (ครูพินิจ ฉายสุวรรณ)

๒.วงบ้านบางลำภู (ครูสมชาย ดุริยปราณีต)

เป็นการประชันปี่พาทย์ไม้แข็งหน้าพระที่นั่งสมเด็จเจ้าฟ้าฯ ครั้งแรกของสมัยประชาธิปไตย เพราะขาดการประชันหน้าพระที่นั่งมาตั้งแต่ปี ๒๔๗๓ ประชันบรรเลงเพลงโหมโรงไปจนถึงเดี่ยวเรียงตัว เพลงกราวใน และเพลงอำลา ซึ่งใช้บทร้องเพลงลา พระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาทั้งสองวง วงบ้านบางกะปิ บุหงา นาคพลั้งร้อง เพลงพระอาทิตย์ชิงดวง วงบ้านบางลำพู สุรางค์ ดุริยพันธ์ร้อง เพลงเต่ากินผักบุ้ง ประทับทอดในงานตั้งแต่ หกโมงเย็นจนหลังเที่ยงคืนจึงเสด็จกลับ

ในปีเดียวกันนี้ คอลัมสยามสังคีต ได้จัดประกวดมหกรรมดนตรีไทยภาคใต้ ครั้งที่๕ มีโรงเรียนเข้าร่วม ๑๕ โรงเรียน ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตน์ฯ แบ่งการประกวด ๒ ประเภท คือ วงเครื่องสายเก่าที่เคยส่งมาแล้วปีก่อน กับวงใหม่ที่เพิ่งส่งประกวด วงที่ชนะเลิศคือวงประเภทเก่า โรงเรียนปากผนัง 


พ.ศ.๒๕๓๐

ประกวดเดี่ยวเครื่องดนตรีไทย รางวัลศรทอง ครั้งที่๑ วันที่ ๕ สิงหาคม โดยมูลนิธิหลวงประดิษฐไพเราะ “รางวัลศรทอง” บรรเลงเดี่ยว “ดีด สี ตี เป่า” ๕ เครื่องมือ จะเข้ ซอด้วง ซออู้ ขิมสาย และขลุ่ย ประกวด ๒ ระดับ คือ ระดับประถม และมัธยม จัด ณ ศูนย์สังคีตศิลป์ ธนาคารกรุงเทพ

ในปีเดียวกันนี้มีการประลองปี่พาทย์งานไหว้ครูชมรมนาฏศิลป์และดนตรีไทย พระนครศรีอยุธยา วันที่ ๑๓ สิงหาคม ที่วัดช่างทอง แม่งานคือนายสุพจน์ โตสง่า เชิญครูบุญยัง เกตุคง เป็นพิธีกร และมีครูบุณยงค์ เกตึงเป็นผู้ควบคุมการบรรเลง กลางคืนมีปี่พาทย์ทั้งในจังหวัด และจังหวัดอื่นๆ จับคู่บรรเลงถวายมือจำนวน ๑๒ คณะ


พ.ศ.๒๕๓๐

ประลองเพลงประเลงมโหรี ครั้งที่ ๔ วันที่ ๑ ธันวาคม โดย สวช. ธนาคารกรุงเทพ ณ ศูนย์สังคีตศิลป์ โดยมีอาจารย์เจริญใจ สุนทรวาทิน และอาจารย์ อุดม อรุณรัตน์ เป็นประธานตัดสิน ในระดับ ประถม และมัธยมศึกษา มีแต่เด็กในกรุ่งเทพฯ ที่ได้รับรางวัล 


พ.ศ.๒๕๓๕

ปี่พาทย์ประชันวงเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ วันที่ ๒๗ มิถุนายน เนื่องในวโรกาสมหามงคลครบ ๕ รอบ ณ ศูนย์วัฒนธรรมมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ประชันกัน ๒ คู่ คู่แรกได้แก่

๑. คณะสามัคคีดนตรีไทย กรุงเทพฯ (นายรักษ์ ปิ่นช้าง ควบคุม, นายชัยชนะ เต๊ะอ้วนบรรเลงระนาดเอก

๒. คณะศิษย์ครูรวม พรหมบุรี จากราชบุรี (นายประมวล ครุฑสิงห์ ความคุม, วิภาตครุฑสิง ระนาดเอก)ในเพลงเดี่ยวพญาโศก ส่วนคู่ที่ ๒ คือ

การประชันคู่ที่ ๒

๑. คณะศิษย์ สุพจน์ โตสง่า (นายชัยยุทธ โตสง่า ระนาดเอก)

๒.คณะนายสมนึก ศรประพันธ์ (นายสมนึก ศรประพันธ์ ระนาดเอก)เดี่ยวเพลงอาเฮีย

ในปีเดียวกันนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้จัดการประกวดดนตรีไทยที่วังบางขุนพรหม ในวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ประเภทปี่พาทย์ไม้แข็งเครื่องคู่ เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ ๕๐ ปี แห่งการดำเนินของธนาคารฯ เพื่อรำลึกถึงสมเด็จฯเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต วงจุฬาวาฑิตได้รางวัลชนะเลิศ โดยกติกา ให้ใช้เพลง โหมโรงเสภา ๓ ชั้นตามถนัด เพลงแขกสายเถา และเพลงเต้ากินผักบุ่ง ๒ชั้น เนื้อร้องของธนาคารแห่งประเทศไทย

                ในปีเดียวกันนี้มหาวิทยาลัยมหิดล จัดประกวดแสงทิพย์ประลองปี่พาทย์ ครั้งที่๑ โดย ดร.สุกรี เจริญสุข เพื่อแต่งเพลงขึ้นมาใหม่สำหรับบรรเลงด้วยวงปี่พาทย์ วงที่ชนะเลิศ คือ วงบ้านบางกะปิ บรรเลงเพลงกบเต้นเถา แต่งโดยครูพินิจ ฉายสุวรรณ หัวหน้าผู้ควบคุมวง


พ.ศ.๒๕๓๗

ปี่พาทย์ประชันวงที่ทุ่งภูเขาทอง วัดบำรุงธรรม อ.บางบาล จ.อยุธยา ในงานบำเพ็ญกุศลอัฐิบรรพบุรุษ เจ้าภาพคือ กำนัลสำราญ เกิดผล หัวหน้าวงดนตรีไทยคณะพาทยรัตน์ โดยต้องการให้มีการบรรเลงปี่พาทย์เครื่องไทยประชันวงแบบโบราณประโคมงานให้ครึกครื้น ประชัน ๒ วงคือ

๑.วงลูกศิษย์ ครูประเสริฐ สดแสงจันทร์ สุพรรณบุรี

๒.วงลูกศิษย์ครูบุญยงค์ เกตุคง กรุงเทพฯ  กติกาให้บรรเลงเพลงนางหงส์, เพลงเสภา, เพลงเดี่ยว, และเพลงลา 


พ.ศ.๒๕๓๙

มหาวิทยาลัยมหิดล จัดประกวดแสงทิพย์ประลองปี่พาทย์ ครั้งที่๒ โดย ดร.สุกรี เจริญสุข เพื่อแต่งเพลงขึ้นมาใหม่สำหรับบรรเลงด้วยวงปี่พาทย์ วงที่ชนะเลิศ คือ วงศิษย์สุพจน์ โตสง่า บรรเลงเพลงแผ่นดินทอง เถา ควบคุมวงโดย ณรงค์ฤทธิ์ โตง่า


พ.ศ.๒๕๔๒

การประชันดนตรี “ปี่พาทย์ชาติสยาม” วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน โดยหนังสือพิมพ์มติชนร่วมกับมหาวิทยาลัยศิลปากร ณ หอประชุมมานุษยวิทยาสิรินธร ประชันระหว่าง

๑.วงบ้านบางกะปิ (นายดนัย มุ่งเยียวยา ระนาดเอก)

๒.วงบ้านบางใหญ่ (นายชัยชนะ เต๊ะอ้วน ระนาดเอก)

๓.วงบ้านสำโรง (นายสมฤกษ์ ฉายแสง ระนาดเอก) 
 

พ.ศ.๒๕๔๖

ประชันปี่พาทย์เชิงวิชาการ ๑๖ มิถุนายน ในงาน ครบรอบ ๑ ปีโครงการวิจัย “การวิจารณ์ในฐานะพลังปัญญาของสังคมร่วมสมัย” ของ ศ.ดร.เจตนา นาควัชระ ณหอประชุมมหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ ประชันวงระหว่าง

๑.วงพาทยรัตน์ (ครูสำราญ เกิดผล ควบคุม, พรชัย ผลนิโคธ ระนาดเอก)

๒.วงบ้านบางกะปิ (ครูพิจ ฉายสุวรรณ ควบคุม, ชัยชนะ เต๊ะอ้วน ระนาดเอก)

โดยมีครูอุดม อรุณรัตน์ วิจารณ์ และบรรยาย 


พ.ศ.๒๕๔๗

รายการคุณพระช่วย ออกเผยแพร่ทางโทรทัศน์ วันที่ ๔ เมษายน ทามช่อง ๙ อสมท เวลา ๒๐.๔๕น. ถึง ๒๑.๓๐น. มีช่วงหนึ่งชื่อว่า ช่วงคุณพระประชัน ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนที่มีความสามารถด้าดนตรีไทย มาประชันในรูปแบบของดนตรีไทยร่วมกับวงดนตรีสมกล เช่นการประชัน ขลุ่น ขิม เปิงมางคอก ซอด้วง ซออู้ ระนาดเอก และฆ้องวงใหญ่เป็นต้น 


พ.ศ.๒๕๔๗

กรมประชาสัมพันธ์จัดปี่พาทย์ประชันวงงาน ๗๕ ปีวันวิทยากระจายเสียงไทย วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ บริเวณสนามด้านหน้า สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย การประชันปี่พาทย์ระหว่างวง

๑.ศิษย์ขุนอิน กรุงเทพฯ (นายเสือ วงษ์สมิง ระนาดเอก)

๒.วงศิษย์ขุนอิน สุพรรณบุรี (นายเหน่ง ปั้นบุญ ระนาดเอก) 


พ.ศ.๒๕๔๘

ประชันปี่พาทย์ฉลองกฐินสามัคคี ที่วัดกลางทุ่ง จ.อยุธยา วันที่ ๔ พฤศจิกายน โดยครู พินิจ ฉายสุวรรณ มีปี่พาทย์ร่วมประชัน ๓ วงได้แก่ 

๑.วงกรุงเทพมหานคร (สกล บุญสิริ ระนาดเอก) 

๒.วงศิลปวัฒนธรรม (บัญชาศักดิ์ พงษ์พรหม ระนาดเอก) 

๓.วงวัดไก่จ้น (ทวีศักดิ์ อัครวงศ์ ระนาดเอก) 



พ.ศ.๒๕๔๙ 

การประกวดเสรีปี่พาทย์ ครั้งที่ ๑ จัดโดยวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับศูนย์การค้าเสรีเซ็นเตอร์ โดยใช้กติกาให้บรรเลงเพลงใหม่ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับวาระเฉลิมฉลอง ๖๐ ปีแห่งการครองราชย์ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพลงระบำโบราณคดีของครูมนตรี ตราโมท และเพลงที่ถนัด ผลการประกวด วงกาสะลอง มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครได้รับรางวัลชนะเลิศ จากเพลง ใต้ร่มพระบารมี และเพลงร่มโพธิสมภาร 

ในปีเดียวกันนี้ ศูนย์สังคีตศิลป์ ธนาคารกรุงเทพ และสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อนโอกาส คนพิการและผู้สูงอายุ ได้จัดการประกวดดนตรีไทยประลองเพลงมโหรี ครั้งที่ ๒๑ ชิงถ้วนรางวัลพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนฯ วงที่ได้รับรางวัลชื่อวง ณัฐพลชัย จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพฯ รองชนะเลิศได้แก่วงโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย

** เอกสารอ้างอิง คัดลอกมาจากหนังสือ  ดนตรีไทย ๕ รัชกาล โดย พูนพิศ อมาตยกุล และคณะ

วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Within You'll Remain - Tokyo Square แปลโดย เอมิลี่

Within You'll Remain - Tokyo Square


Facing the world with the empty heart 
I could disappear into the dark 
And you were the one 
and you were the who 
could make my dreams come true 
My dear, it's you 

When you're not around 
My heart stood still 
Within you'll remain and always will 
Illusion says there is another man 
who would interfere into my plan 

Wao Ai Ni, I love you 
Wao Ai Ni, I need you 
More than I ever did anyone 
I've never felt like this before 

Wao Ai Ni, I want you 
Wao Ai Ni, I need you 
We could be two lovers from the past 
And the future is our chance 

When you're not around 
My heart stood still 
Within you'll remain and always will


หากไม่มีรัก คงยากจะยืนหยัดอยู่บนโลกนี้
ฉันคงต้องตรม ซมอยู่กับความมืดมิด
เพราะเธอคือชีวิต ให้ฝันแนบชิด 
กลายเป็นจริง เพราะเธอ 


เมื่อใดเธอห่างหาย จิตใจฉันเสมือนหยุดนิ่ง
แต่บางสิ่งคงประวิง คิดถึงเธออยู่มิวาย
ภาพลวงตาลาซ่อนหาย 
หวงชายใด ซ้อนรัก แทรกสัมพันธ์


หว่อ อาย หนี่ - ฉันรักเธอ
หว่อ อาย หนี่ - ฉันต้องการเธอ
รักมากกว่าใครๆ ที่เคยรัก
รักแบบไม่เคยรู้สึกรักมาก่อน



หว่อ อาย หนี่ - ฉันต้องการเธอ
หว่อ อาย หนี่ - ฉันปรารถนาเธอ
มันคือพรหมลิขิตจากชาติปางก่อน
และชาตินี้จะขอเพียงโอกาสได้แค่รักเธอ



เมื่อใดเธอห่างหาย จิตใจฉันเสมือนหยุดนิ่ง
แต่บางสิ่งคงประวิง คิดถึงเธออยู่มิวาย.......

วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Mad World แปล - โลกมันบ้า




All around me are familiar faces
worn out places, worn out faces
Bright and early for the daily races
Going nowhere, going nowhere
Their tears are filling up their glasses
No expression, no expression
Hide my head I wanna drown my sorrow
No tomorrow, no tomorrow

And I find it kind of funny
I find it kind of sad
The dreams in which I'm dying 
Are the best I've ever had
I find it hard to tell you
I find it hard to take
When people run in circles
It's a very very, mad world, mad world

Children waiting for the day they feel good
Happy Birthday, Happy Birthday
And I feel the way that every child should
Sit and listen, sit and listen
Went to school and I was very nervous
No one knew me, no one knew me
Hello teacher tell me what's my lesson
Look right through me, look right through me

And I find it kind of funny
I find it kind of sad
The dreams in which I'm dying
Are the best I've ever had
I find it hard to tell you
I find it hard to take
When people run in circles
It's a very very, mad world, mad world
Enlarge your world, mad world

.................................

มนุษย์ก็หน้าตาเหมือนๆ กัน เต็มไปหมด
มีแต่เรื่องราว อันน่าเบื่อ ของพวกมวลมนุษย์

ตื่นมา กระเสือกกระสนหาเงิน
และไม่ได้ไปไหน มันไม่ได้ไปไหน

น้ำตามันร่วงจนล้นแก้ว 
ดวงหน้าไร้ความรู้สึก เหมือนตุ๊กตา
ฉันปล่อยอารมณ์จมดิ่งสู่เหวลึกสลด

ไม่มีวันพรุ่งนี้ ไม่มีวันพรุ่งนี้
บางอย่างก็น่าขัน
และบางอย่างก็สมควรเศร้า

ในฝัน ฉันพบตัวเองกำลังตาย
เหมือนรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
มันยากที่จะอธิบายนะ
ยากพอๆ กับมีชีวิตอยู่

วัฏจักรมนุษย์ที่ยังเวียนวน
ดูๆ ไปเหมือนมัน ล้น ล้นไปอีก

"โลกมันบ้า" 

เด็กๆ ต่างรอคอยวันที่เบิกบาน
สุขสันต์วันเกิด สวัสดีวันเกิด
ฉันพยายามจะเป็นอย่างนั้น

นั่งและฟัง นั่งลงแล้วก็ค่อยๆ ฟัง

วันๆ ไปโรงเรียนทำตัวเชยๆ เหมือนๆ กัน
ไม่มีใครรู้จักฉัน  ไม่มีใครรู้จักฉัน 

สวัสดีคุณครู วันนี้มีอะไรจะสอนเหรอ?
เมินเฉย เฉยเมย


เปิดใจรับมันหน่อย    (ให้รู้ว่า)
"โลกมันบ้า"  (กูไม่บ้า)




วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Mariah Carey ft Whitney Houston When You Believe - อยากแปลม้างอ่า


Many nights we've prayed
With no proof anyone could hear
In our hearts a hopeful song
We barely understood

Now we are not afraid
Although we know there's much to fear
We were moving mountains long
Before we knew we could


There can be miracles, when you believe
Though hope is frail, it's hard to kill
Who knows what miracles you can achieve
When you believe, somehow you will
You will when you believe


In this time of fear
When prayers so often prove(s) in vain
Hope seems like the summer birds
Too swiftly flown away

Yet now I'm standing here
My heart's so full I can't explain
Seeking faith and speaking words
I never thought I'd say

There can be miracles, when you believe
Though hope is frail, it's hard to kill
Who knows what miracles you can achieve
When you believe, somehow you will
You will when you believe


They don't (always happen) when you ask
(Oh)
And it's easy to give in to your fears
(Oh...Ohhhh)
But when you're blinded by your pain
Can't see your way straight throught the rain
(A small but )still resilient voice
Says (hope is very near)
(Ohhh)

There can be miracles
(Miracles)
When you believe
(Lord, when you believe)
Though hope is frail
(Though hope is frail)
It's hard to kill
(Hard to kill, Ohhh)
Who knows what miracles,you can achieve
When you believe, somehow you will(somehow,somehow, somehow)
somehow you will
You will when you believe

You will when you
You will when you believe
Just believe...in your heart
Just believe
You will when you believe~

ทุกราตรี  ฉันเฝ้าสวดมนต์ อ้อนวอน
แม้ไร้ซึ่งผู้รับฟัง
แต่ก็ยังมีอีกหวัง เล็กๆ ในใจ
ที่ไม่เกรง ถึงแม้จะรายล้อมด้วยความหวาดกลัว

ภูผานั่น รู้ว่าแค่เส้นผมบังไว้ - เพียงมีสติ
ศรัทธาเท่านั้นที่จะขับเคลื่อนปาฏิหาริย์
แสงแห่งความหวัง  แผ่วบาง แต่ก็ยากที่จะดับสลาย
ใครจะรู้ดีเท่า หากเธอไม่ลองสัมผัสเอง

"ขอเพียงมีความหวัง"

หากวันใดเธอรู้สึกหวั่นกลัว
ด้วยแรงอธิฐานนี้ อาจดูไร้ซึ่งความหมาย
ดั่งนกน้อยรีบหลีกเร้น ลมฤดูร้อน ลิบหาย
ขอแค่ สติ ทำให้รู้ว่า "ฉันยังยืนอยู่ตรงนี้!!!"
และด้วยหัวใจอันเปี่ยมล้น "ฉันอธิบายไม่ถูก"
แต่ก็จะพยายาม.....(พูดว่า)

สรรพสิ่งไม่ได้สนองความต้องการเสมอไป
ใช่ มันง่ายมากต่อความเกรงกลัวในอนิจจัง
แต่เมื่อใดที่เส้นผมแห่งกิเลสนั่น บังให้ตาเธอบอด
ไม่อาจเห็นหนทางท่ามกลางมรสุม สายฝนพรำ

เมื่อนั้นจงคิดถึงเสียงเล็กๆ ที่มาจากข้างในใจ
ว่าความรักไม่ได้อยู่ไกลจากไหนเลย 

"เพียงแค่เธอ - รักตัวเอง"


*** เจ็บนิดๆ กับเพลงนี้ แต่มันคือเนื้อเพลงที่ลึกซึ้งสุดจะบรรยาย
 เอมิลี่แปลสุดความสามารถ ด้วยความรู้สึก ถึงแม้จะไม่ค่อยตรงความหมาย หรือไม่ถูกใจใครหลายคน ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วย  อาลัยกับการจากไปของเธอ วิทนีย์ .... หลับให้สบายนะคะ...




วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

GENTLE STORM - แปล ไม่รู้เรื่องเลย ฮาฮา

GENTLE STORM



I can't rest my case
Important things do get erased
A backup plan is wise
Magnetic fields can destroy a device

I miss your gentle magnetic storm
There ain't no backup, decent backup
Excite me with your storm

Whenever you type, you are always so devoted
To the digital life
0-0-1-0 encoded

I miss your gentle magnetic storm
There ain't no backup, decent backup
Excite me with your storm

...................................................

ฉันไม่สามารถ ปล่อยวาง
สิ่งสำคัญยิ่ง กำลังจะหายไป 
คงไม่สามารถปลดปลง ไม่
แรงดึงดูด อภิรมณ์  กำลังจะพังทลาย

ฉันคิดถึงความอ่อนโยน อันเสมือนแรงดึงดูด
สมอง ไร้ซึ่่่งการสำรองข้อมูล- ไว้ดีพอ
บันดานดล หมุนสู่ สนามอารมณ์

เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณพิมพ์ จะอุทิศ สู่โลกติจิตอล
ตามด้วยระหัส 0 0 1 0 

 ฉันคิดถึงความอ่อนโยน อันเสมือนแรงดึงดูด
สมอง ไร้ซึ่่่งการสำรองข้อมูลในด้านมืด - ฉันมีแต่ด้านสว่าง
บันดานดล หมุนสู่ สนามอารมณ์