อยู่นี่แล้ว


วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554

อยู่คนเดียว เงียบ เงียบ



อยู่คนเดียวเงียบ เงียบ เวลาผ่านไปไวจนลืมใส่ใจอะไรหลายอย่าง บางอย่างก็ปล่อยปลง บางสิ่งก็ยังพยุงทำไปเรื่อยๆ เวลาอยู่กับใครไม่เงียบ เสียงผ่านความเงียบแว่วผ่านความเหงา สักพักหากเราเคล้าคลุ้ง สักพักก็อบอุ่นไปเอง ใครชอบอยู่เงียบ เงียบ ใครเขาก็หาว่าเราเป็นบ้า หลับตาปล่อยใจ หย่อนลงห้วงลึก หูฉันจะเงียบวิเวก และวังเวง

มนุษย์กลัวความเงียบ ความเงียบมีคำตอบและคำถาม หากดนตรีไม่มีความเงียบ ก็ไม่ใช่ดนตรี เสียงรำคาญ นักประพันธ์ไม่ให้เกียรติความเงียบ ก็เหมือนกับหายใจเข้าแล้วไม่หายใจออก หายใจออกแล้วไม่หายใจเข้า มนุษย์มีความเงียบเสมอระหว่างลมหายใจ ธรรมชาติของเพลงก็มีความเงียบเสมอระหว่างเสียง

คันชักเครื่องดนตรี สีเข้าก็ต้องเงียบหยุดขณะสีออก นักเป่าเครื่องเป่าก็ต้องหายใจอยู่ในความเงียบ นักดีดก็ต้องเคลื่อนมือ มาแล้วก็ไป คนเราเงียบตอนหยุด หยุดพักเพื่อเดินต่อ แล้วก็จบลง เช่นนี้เสมอไป ภาระกิจของความเงียบในระหว่างมีชีวิตคือ การทะยานตัวไปข้างหน้าจนจบเพลง มนุษย์ก็คงเกิดมาเหมือนกับเพลง ประสบความสำเร็จ ผู้ชมตรบมือเมื่อเพลงจบ ชีวิตมนุษย์มีเป้าหมาย และประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงเมื่อตาย

ภารกิจของมนุษย์ ก็คือความตาย ภารกิจของเพลงก็คือเล่นบรรเลงจนจบเพลง แล้วคุณจะใส่อารมณ์ในเพลงอย่างไรหละ? นั่นแหละคือท่วงอารมณ์ที่มนุษยจะใส่ไว้ในท่อนบรรเลง บทเพลงของชีวิต หากเพลงนั้นเป็นเพลงรัก ชีวิตนี้คุณจะรักใคร ตราตรึงขนาดไหน หากเพลงนี้เป็นเพลงรักชาติ คุณจะรักชาติแบบใด หากเพลงนี้เป็นเพลงแห่งความโง่ คุณจะโง่อย่างไร หรือแค่แสร้ง และหากเพลงนี้เป็นเพลงแห่งความเงียบ นั่นสิ จะเงียบได้พิศดารเยี่ยงนักบวช เป็นก้อนหินจมน้ำหรือไม่


แต่ทว่าตอนนี้ทั้ง เงียบ ทั้งเหงา รู้สึกอยากหาว แล้วค่อยเข้านอน ราตรีสวัสดิ์ เงียบ เงียบ นะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น